Main Menu

ข่าว:

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ www.SongkhlaMedia.com เรียนเชิญชาวสงขลาและทุกท่านร่วมขับเคลื่อนเว็บไซต์สาระที่มากกว่าข่าว ร่วมขับเคลื่อนไปด้วยกันเพื่อสงขลาบ้านเรา

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - ฅนสองเล

#151
มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติไทยที่เราภูมิใจกันมายาวนานถึงวันนี้เปลี่ยนไปจนตามไม่ทันว่ามันคือมวยไทยหรืออะไรกันแน่
ปกติผมติดตามมวยไทยมาตั้งแต่เด็กๆ ดูมวยช่อง7 เป็นเพื่อนพ่อมาตลอดและยังติดใจมาจนถึงเวลานี้ จนมาถึงยุคทีวีดิจิตอลแทบทุกช่องมีมวยหมดวันเสาร์-อาทิตย์มีแทบทั้งวัน
แต่มวยไทยก็เปลี่ยนไปมาก มีหลายชื่อหลายรูปแบบแต่ยังอ้างตัวว่านี้คือมวยไทย อย่าล่าสุดมีแนะนำว่าลองดูช่อง34สิ มวยไทยยกเดียวชกแบบมาราธอน เขาบอกว่าไม่ได้แนะนำให้ดูมวยน่ะให้ดูของแถมดีกว่า
เวทีมวย8เหลี่ยมมีพริตตี้นุ่งน้อยๆ มาคอยเปิดตัวนักมวยทุกคู่ ของเขาหรอยจริงๆ งานนี้ก็เครื่องดื่มตราช้างเป็นสปอนเซอร์หลัก ถามจริงว่าทุกวันนี้เครื่องดื่มที่ยี่ห้อเดียวกับเหล้าเบียร์ไม่ว่าจะเป็น น้ำ น้ำแร่ โซดา เขาออกมาเพื่อขายสินค้าจริงๆ หรือแค่ตอกย้ำให้แบรนด์โฆษณาได้เท่านั้น
เมืองแห่งมือถือสากปากถือศีล เวลาดูข่าวกีฬาเล่นเซ็นเซอร์ซะดูลูกยิงประตูไม่เห็น สาวคนหนึ่งใส่เสื้อกล้ามอ่านข่าวมีการเซ็นเซอร์หน้าอกด้วย แต่บางรายการแทบแก้ผ้ากันแล้วก็ออกอากาศสบาย
ปล.รายการนี้ประมาณ 4โมงเย็นวันอาทิตย์สนใจก็เปิดชมกันได้ครับ
#152
หมอแก้ว นายแพทย์กัมปนาท จันทนะ ข้าราชการพลเรือนดีเด่นจังหวัดสงขลา ประจำปี 2561

ผลการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่นจังหวัดสงขลา ประจำปี 2561 ผู้ที่ได้รับคัดเลือกได้แก่ หมอแก้ว นายแพทย์กัมปนาท จันทนะ นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินาถ อำเภอนาทวี  จังหวัดสงขลา

จากความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะช่วยเหลือคนเจ็บป่วยตั้งแต่เยาว์วัย เป็นเสมือนพลังที่ส่งให้กัมปนาท  จันทนะ ฝันที่จะเป็นแพทย์ ความฝันของเขาเป็นจริงด้วยความอุตสาหะ  โดยในปี2532 เขาได้เป็นนายแพทย์ดั่งตั้งใจและยังได้เรียนเพิ่มเติมด้านศัลยกรรม หลังจากพบว่าโรงพยาบาลชุมชนในภาคใต้ยังขาดแคลนศัลยแพทย์

นายแพทย์กัมปนาท เลือกรับราชการในโรงพยาบาลที่ไกลความเจริญ เริ่มต้นจากโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา จนปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายแพทย์เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม  โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินาถ ณ  อำเภอนาทวี  จังหวัดสงขลา คนไข้ต่างรู้จักนายแพทย์กัมปนาทในนามหมอแก้ว ตั้งแต่รับราชการจนถึงวัย 54  ปี

หมอแก้ว ยึดหลักคำของพระราชบิดาให้เห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นที่หนึ่ง และประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง อะไรที่เป็นประโยชน์ของคนไข้ ก็ต้องเริ่มทำก่อน นอกจากนี้ได้พัฒนางานทางการแพทย์เพื่อส่งเสริมการมีสุขภาพดีของประชาชน และการดูแลรักษาคนไข้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการพัฒนาด้านการแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพ จนได้รับรางวัลแพทย์ตัวอย่างภาคใต้ ปี 2552, ศัลยแพทย์ดีเด่นภาคใต้ ปี 2553, ศิษย์เก่าผู้อุทิศตนเพื่อส่วนรวมของคณะแพทย์ และอีกหลายรางวัล เพื่อเป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพ

นายแพทย์กัมปนาท บอกว่า รางวัลที่สำคัญในชีวิตคือการรักษาดูแลคนไข้ ให้หายป่วย  ในการบริการผู้ป่วยถือเสมือนทุกคนเป็นญาติและเป็นคนในครอบครัวที่ต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ต้องให้กำลังแก่ญาติผู้ป่วย เพื่อให้ทุกคนมีกำลังใจ

"ในชนบทต้องยอมรับว่าขาดแคลนแพทย์บุคลากรทางด้านสาธารณสุข หรือบุคลากร ที่ทำงานใน ชุมชนหรือโรงพยาบาลชุมชน อันที่ 1 คือต้องเสียสละความสุขส่วนตัว ความสุขครอบครัว เพื่อมาอยู่ในชุมชน ซึ่งคนที่อยู่ในพื้นที่ชุมชน อาจจะได้รับโอกาสน้อยในด้านการรักษา บางคนไม่มีโอกาสที่จะเข้าถึงบริการทางการแพทย์ ถ้าเราไม่ลงมาและไม่มีใครเสียสละ เพราะฉะนั้นหมอ พยาบาลที่เข้ามาทำงานในชุมชน ต้องยอมเสียสละเพื่อให้ทุกคนได้รับความเท่าเทียมกัน"

ทุกวันนี้หมอแก้ว  หรือนายแพทย์กัมปนาท  ต้องแบ่งเวลาผ่าตัดคนไข้ทั้งที่ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ  ณ อำเภอนาทวี และโรงพยาบาลจะนะ รวมทั้งโรงพยาบาลอื่นๆที่ส่งต่อผู้ป่วยมาจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน  แต่มิได้บั่นทอนกำลังใจให้หมอแก้วย้ายออกหรือลาออกไปอยู่ในสถานพยาบาลอื่นที่มีค่าตอบแทนสูงกว่า

"เพิ่งผ่านวันเกิดมาได้ไม่กี่วัน ซึ่งสิ่งแรกที่ผมคิดถึงนั่นคือ เหลือเวลาในการทำงานราชการ อีกไม่เยอะ ขอให้ทุกคนที่เป็นข้าราชการมีความภาคภูมิใจ เราเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ขอให้ทุกคนมีความยินดีที่เป็นข้าราชการ" หมอแก้วกล่าวทิ้งทายการสนทนาในวันนี้

โดยปี  2561  จังหวัดสงขลา จึงคัดเลือก นายแพทย์กัมปนาท  จันทนะ  เป็นข้าราชการดีเด่น สมกับการครองตน ครองคน ครองงาน แห่งการเป็นข้าราชการไทย

ศิริลักษณ์ แคล้วคลาด ข่าว/ภาพ         
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา รายงาน
#153
เทศบาลนครสงขลา จัดพิธีแถลงข่าวการประชุมงานมหกรรมวิชาการการจัดการศึกษาท้องถิ่นระดับภาคใต้ "สมิหลาวิชาการ" ครั้งที่ 14 ประจำปี 2561

(16 มี.ค.61) โรงแรมบีพี สมิหลา บีช รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เทศบาลนครสงขลา จัดพิธีแถลงข่าวการประชุมงานมหกรรมวิชาการการจัดการศึกษาท้องถิ่นระดับภาคใต้ "สมิหลาวิชาการ" ครั้งที่ 14 ประจำปี 2561 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 มิถุนายน 2561 โดยมีนายราชิต สุดพุ่ม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลานายพนมเทียน เส้งวั่น ท้องถิ่นจังหวัดสงขลา พ.ต.ท. ศุภกิตติ์ ประจันตะเสน รองผู้กำกับ สภ. เมืองสงขลา และดร.สมศักดิ์ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลาร่วมแถลงข่าว พร้อมด้วยผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารสถานศึกษา พนักงานครู สังกัดโรงเรียนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังในครั้งนี้

เทศบาลนครสงขลาได้รับมอบหมายจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นให้เป็นเจ้าภาพดำเนินการจัดงานมหกรรม วิชาการการจัดการศึกษาท้องถิ่นระดับภาคใต้ "สมิหลาวิชาการ" ครั้งที่ 14 ประจำปี 2560 ซึ่งมีโรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 214 แห่ง 442 โรงเรียน 14 จังหวัดภาคใต้ เข้าร่วมแข่งขันฯ สำหรับงานมหกรรมวิชาการการจัดการศึกษาท้องถิ่นจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้นักเรียนได้แสดงออกถึงความสามารถด้านวิชาการตามกลุ่มสาระต่างๆ เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่นักเรียนแสดงความสามารถที่เป็นเลิศทางวิชาการสุนทรียภาพ ด้านนาฏศิลป์- ศิลปะการแสดง โครงงาน นวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ระดับภาคใต้

นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างเครือข่ายทางวิชาการระดับระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จัดการศึกษา โดยแบ่งกลุ่มประเภทการแข่งขันทักษะวิชาการได้แก่กลุ่มภาษาไทย, กลุ่มคณิตศาสตร์, กลุ่มวิทยาศาสตร์, กลุ่มสังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม, กลุ่มสุขศึกษาและพลศึกษา, กลุ่มศิลปะกลุ่มการงานอาชีพ, กลุ่มภาษาต่างประเทศ, กลุ่มปฐมวัย/ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก, การแข่งขันกลุ่มการแข่งขันหุ่นยนต์, กลุ่มสื่อนวัตกรรมทางการศึกษาและกลุ่มการแข่งขัน/ประกวดโครงงาน

ทั้งนี้การจัดการศึกษาท้องถิ่นมีความสำคัญในการพัฒนาการศึกษาของประเทศ เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน โดยต้องคำนึงถึงมาตรฐานของที่ผู้เรียนพึงได้รับให้สอดคล้องกับมาตรฐานของชาติและเป็นไปตามบริบทของท้องถิ่น ตลอดจนการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ศักยภาพและแสดงขีดความสามารถในการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองท้องถิ่นให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานยิ่งขึ้น

ศิริลักษณ์ แคล้วคลาด /ข่าว จิรพัฒน์ วงศ์กระจ่าง/ภาพ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา 
#154
ม็อกเทล เครืองดื่มแปลกใหม่ที่ร้านปั๊มนม
หนุ่มรุ่นใหม่แตกไลน์เพิ่มความหลากหลายให้ลูกค้า

ร้านปั๊มนม เขต8 เปิดตัวเมนูใหม่ของร้าน ม็อกเทล (Mocktail) เครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมโซดาไม่มีแอลกอฮอล์ 5 ชาติ ได้แก่ รส บลูโอเชียน, แอปเปิ้ล, เมลอน, วนิลา, และสตอเบอรี่ พร้อมชาเหนียว และอาหารหม้อไฟปั๊มนม ที่รับรองความเด็ดรสชาติถูกใจ เดินหน้าเพิ่มความหลากหลายสินค้าเอาใจนักเที่ยวภาคค่ำไที่ไม่เน้นการดื่มแอลกอฮอล์

นายทศพล แก้วรัตนะ หรือคุณบอล ผู้บริหารร้านปั๊มนม เขต8 เปิดเผยว่าตั้งแต่เปิดร้านมาได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี หลายคนชมว่าบรรยากาศน่านั่ง มีทั้งโซน indoor / Out door ให้ลูกค้าได้เลือกนั่งอย่างสบาย เรามีอาหารที่ทางร้านพร้อมตอบโจทย์ลูกค้าทุกอย่าง ซึ่งร้านก็เปิดมาได้ 4-5 ปีแล้ว และก็มีบริการฟรีไวไฟให้กับลูกค้า พิเศษช่วงนี้มีโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่เป็นของทรู ลด 10% ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม อีกด้วย

ล่าสุดร้านปั๊มนม เขต8 เปิดตัวเมนูใหม่ของร้านคือ ม็อกเทล (Mocktail) เครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมโซดา ไม่มีแอลกอฮอล์ 5 ชาติ ได้แก่ รส บลูโอเชียน, แอปเปิ้ล, เมลอน, วนิลา, และสตอเบอรี่ โดยสูตรคิดเองและดูเพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ต ว่าจะมีส่วนผสมที่มีลูกเล่น สามารถทานได้และแปลกใหม่ เริ่มจำหน่ายที่ราคาขวดละ 59 บาท


พร้อมเพิ่มเมนูชาเหนียว ซึ่งฮิตอยู่ในช่วงนี้ โดยตัวชาเหนียวที่นี้จะเป็นสูตรของที่ร้านโดยเฉพาะเลยที่ทำเองทั้งหมดไม่ได้ไปเอาเฟรนด์ชายจากที่อื่น ใช้ตัวผสมเครื่องดื่มที่ร้านมีอยู่แล้ว ก็เลยเป็นรสชาติของร้านทั้งหมด ราคาแก้วล่ะ 30 บาท เครื่องดื่มที่แนะนำอีกตัว คือ หวานแหวว ลักษณะคล้ายๆกับไอศกรีมวอลล์เรนโบว ด้านบนจะใส่น้ำตาลสี ราคาแก้ว 39 บาท

และที่ขาดไม่ได้เลย คือ อาหารเด็ด ชุดใหม่ หม้อไฟปั๊มนม จะออกคล้ายๆแนวแบบจิ่มจุ่มมีชุดเล็กกับชุดใหญ่ ชุดเล็กจะเป็นแบบปรุงมาให้แล้ว ชุดใหญ่ปรุงเอง ราคาชุดเล็ก 229 บาท ชุดใหญ่ 319 บาท และมีให้เพิ่ม ไก่ กุ้ง หมึก ในราคาเซ็ทล่ะ 12 บาท นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูฮิตอื่นๆ อาทิ ไก่กรอบครีมมะนาว สปาเกตตี้ผัดขี้เมา รม่ามาผัดต้มยำ และที่แนะนำอีกอย่างคือ ข้าวผัดปู จะได้รสชาติกลิ่นปูเต็มๆ เนื้อปูอาจจะไม่ได้เป็นชิ้นใหญ่แต่ให้เยอะ และเมนูอื่นๆอีกมากมาย

ร้านปั๊มนม เปิดบริการทุกวัน เปิดตั้งแต่ 17.30 น.ถึงเที่ยงคืน ร้านอยู่ที่ที่ตั้งปากซอย 14 ถนนราษำร์อุทิศ(เขต 8) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แวะปั๊มนม สถานีเติมความสุขครบทุกเมนู
#155
อบจ.สงขลา จับมือหลายภาคส่วนร่วมดูแลเยาวชน
ลงนาม MOU สร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดในเด็กปฐมวัย

องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา จับมือพันธมิตร ลงนาม MOU สร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดในเด็กปฐมวัย พร้อมจัดโครงการประชุมเชิงปฎิบัติการ ให้ความรู้ ครู ผู้ปกครอง พี่เลี้ยง ดูแลเด็กปฐมวัยให้มีภูมิคุ้มกัน และห่างไกลจากยาเสพติด

เมื่อเร็วๆ นี้ ณ ห้องประชุมศรีเกียรติพัฒน์ อบจ.สงขลา มีการจัดโครงการประชุมเชิงปฎิบัติการเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดให้เด็กปฐมวัย จังหวัดสงขลา พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ด้านการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดในเด็กปฐมวัย โดยมี นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา , นางสุนันท์ ศรีวิรัตน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา , นายสุรพล ภัทรปกรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด ภาค 9 , นางอนงค์นุช ผลยะฤทธิ์ ศึกษานิเทศก์ชำนาญการ ร่วมลงนามในครั้งนี้

สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ด้านการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดในเด็กปฐมวัย ก็เป็นความร่วมมือกันระหว่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา , สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 9 , สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา และสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสงขลา ให้ความร่วมมือกันในหลายๆด้าน อาทิ ด้านวิชาการ บุคลากร ด้านการพัฒนาศักยภาพครูหรือครูผู้ดูแลเด็ก, ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของครอบครัว และชุมชน , ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนสื่อ  ด้านการเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหา และด้านการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านยาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชน

โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริม สนับสนุน และประสานความร่วมมือในการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล แนวทางการดำเนินการต่างๆ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้านและชุมชน พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดให้กับบุตร –หลาน  อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริม สนับสนุนในการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด และการเฝ้าระวังปัญหา ยาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชน ทั้งในและนอกสถานศึกษา รวมทั้งการส่งเสริมกิจกรรมเชิงบวกในกลุ่มเยาวชนอีกด้วย

ภายในงานครั้งนี้ ก็มีการอภิปราย สถานการณ์และแนวโน้มปัญหายาเสพติดในเด็กและเยาวชน พร้อมมีกิจกรรมกลุ่ม สร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดในเด็กปฐมวัย : แนวคิดและการประยุกต์ใช้ทฤษฎี Executive Functions (EFs) , และกิจกรรมแนวทางการใช้ของเล่น ชุด เล่นล้อมรักเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดในเด็กปฐมวัย
#156
ส่องสนามท้องถิ่นนครสงขลา
ระฆังเลือกตั้งเริ่มเมื่อไหร่รับรองสนุกแน่ๆ

ปีกลองการเมืองเริ่มคึกคักขึ้นทุกขณะรับสัญญาณที่ คสช.บอกว่าจะปลดล๊อกให้นักการเมืองเริ่มทำกิจกรรมกันได้แล้ว สนามท้องถิ่นก็น่าจับตาไม่เป็นรองสนามระดับชาติแน่ๆ โดยเฉพาะที่สงขลาน่าสนใจหลายสนามมาก วันนี้ขอนำไปส่องสนามนครสงขลากันก่อน เพราะสนามนี้มีผู้เปิดตัวว่าจะลงสมัครนายกถึง 4 คน

สนามท้องถิ่นจังหวัดสงขลา นอกจากสนามอบจ.และทน.หาดใหญ่ สนามนครสงขลา ถือว่าเป็นสนามที่จับตาอย่างยิ่ง นายกบ่าว สมศักดิ์ ตันติเศรณี แห่งทีมสงขลาใหม่ ที่คว้าชัยชนะเที่ยวล่าสุดด้วยกระแสพีระฟีเวอร์ก็ดูเหมือนยังหอมหวลกับกลิ่นอายการเมืองจนยังไม่อยากถอนตัว แม้ผลงานสมัยแรกจะไม่โดดเด่นมากนักแต่กุนซือนายกบ่าวยังเชื่อว่าพอจะมีพลังในการต่อสู้กับคู่แข่งได้ จึงลงสนามอีกรอบ

ส่วนคู่แข่งที่เปิดตัวมาแล้วมีถึง 3 คน คือ สมชาย เมฆาอภิรักษ์ ทีมพลังนครสงขลา ชื่อนี้ไม่ต้องถามว่าเป็นใครเพราะเขาคืออดีตรองนายกสมัยนายกอุทิศ นายกพีระ และยังเป็นเพื่อร่วมรุ่นนายกนิพนธ์ บุญญามณีแห่งอบจ.สงขลาอีกด้วย เปิดตัวพร้อมสโลแกนสุจริตชนคนทำงาน ดูภาพจากเฟสบุ๊คเจ้าตัวเห็นอดีตนักการเมืองเก่าหลายคนยืนอยู่ข้างๆ นั่นจึงเป็นสัญญาณว่าชื่อนี้แข็งโป้ก ชนิดที่คู่แข่งกระพริบตาไม่ได้

อีกคนก็เป็นคนที่ชาวสงขลาคุ้นหน้าอย่างดี รองหมู ศรัญ บิลพัฒน์ ทีมนครสงขลาก้าวหน้า หรือชื่อเดิมจรัญ เลือกตั้งเที่ยวที่แล้วแม้จะพ่ายนายกบ่าวค่อนข้างห่าง แต่เที่ยวนี้รองหมูเตรียมทีมมาดี ข่าวว่าผสมผสานทีมงานทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่มาอย่าลงตัว หลังเปิดตัวก็เริ่มมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง คงเป็นอีกตัวเลือกให้ชาวบ่อยางได้พิจารณา

และคนที่ 4 นายชนรักษ์ ตันติเศรณี ทีมรักษ์นครสงขลา น้องชายในสายเลือดนายกพีระ เจ้าของชื่อเดิมจารึก ตันติเศรณี เที่ยวนี้ประกาศชัดเจนว่าจะขอลงสนามอีกรอบหากมีการเลือกตั้ง โดยยืนยันจะสานต่อเจตนารมย์พี่ชายที่คนอื่นแม้นามสกุลเดียวกันก็ทำไม่ได้ตามที่หาเสียงไว้ จึงต้องลงมาขอโอกาสชาวนครสงขลาอีกรอบ

ดูทั้ง 4 รายชื่อจะให้ตัดสินว่าใครคือผู้ชนะคงเป็นคำตอบที่ยากมาก เขตตำบลบ่อยางอันเป็นที่ตั้งของสนามนครสงขลานั้น ผู้มีบทบาทสำคัญในพื้นที่นี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าคืออดีตนายกอุทิศ  อดีสส.ประพร และนายกนิพนธ์ วันนี้ฐานเสี่ยงฝั่งอดีตสส.อาจมาอยู่ที่นายกนิพนธ์แล้วนายกนิพนธ์หนุนใครยังไม่รู้ ว่ากันว่าไม่ที่สมศักดิ์ก็สมชายนี่แหละ ส่วนฐานเสียงอีกคนจะไปทางไหนว่ากันว่าไม่สมชายก็ศรัญ

มองผิวเผินก็เริ่มเห็นเค้าลางแล้วว่าใครเด่นกว่าใคร แต่ที่แน่ๆ หากการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ผู้ที่ให้คำตอบได้ดีที่สุดคือชาวบ่อยางนครสงขลา ที่มีประมาณ 4 หมื่นกว่าเสียงจะให้คำตอบได้ดีที่สุด

ย้อนกลับไปดูผลเลือกตั้่ง 6 ม.ค.56 ผู้ที่มีคะแนนนำมาเป็นอันดับ 1 ได้แก่ นายสมศักดิ์ ตันติเศรณี ทีมสงขลาใหม่ 17,094 คะแนน อันดับ 2 นายจรัญ บิลพัฒน์ ทีมพลังสังคม 11,022 คะแนน อันดับ 3 นายจารึก ตันติเศรณี ทีมรักษ์นครสงขลา 797 คะแนน และอันดับ 4 ว่าที่ ร.ต.ประสิทธิ์ บัวงาม ทีมชุมชนก้าวหน้า 496 คะแนน

ต้อม รัตภูมิ รายงาน
#157
จัดเวทีเสวนา พลังงานบ้านเราเอาไงดี
หาทางออกเอาหรือไม่ โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา

สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย จัดสัมมนาสื่อมวลชนและกลุ่มองค์กรในพื้นที่ภาคใต้ ร่วมคิด "พลังงานบ้านเรา...เอาไงดี?" พร้อมร่วมออกแบบพลังงานไฟฟ้าภาคใต้ให้ยั่งยืน มีผู้เข้าร่วมเสวนาคับคั่ง บรรยากาศเป็นไปอย่างสร้างสรรค์

( 2 มีนาคม 2560) สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย จัดสัมมนาสื่อมวลชนและกลุ่มองค์กรในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อร่วมกันคิด "พลังงานบ้านเรา...เอาไงดี?" และ เสวนา หัวข้อ "ร่วมออกแบบพลังงานไฟฟ้าภาคใต้ให้ยั่งยืน" สร้างความรู้ความเข้าใจในสถานการณ์พลังงานไฟฟ้าภาคใต้และประเทศไทย ปัจจัยที่ทำให้พลังงานไฟฟ้ามีความมั่นคง และการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA) โดยมีสื่อมวลชนและกลุ่มองค์กรในพื้นที่ภาคใต้ร่วมสัมมนากว่า 235 คน ณ โรงแรมบีพีแกรนด์ทาวเวอร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย กล่าวว่า พลังงานไฟฟ้าภาคใต้ เป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ในฐานะสื่อมวลชน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการนำเสนอข้อเท็จจริง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับสังคม โดยการจัดสัมมนาในครั้งนี้ได้เชิญนักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน มาร่วมให้ข้อเท็จจริงแก่สื่อมวลชนและกลุ่มองค์กรในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อนำข้อมูลเกี่ยวกับพลังงานไปสื่อสารให้สังคมได้รับทราบ สามารถนำข้อเท็จจริงไปออกแบบแนวทางการพัฒนาพลังงานของประเทศไทยให้ยั่งยืนร่วมกันต่อไป

สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้ มีการบรรยายสร้างความรู้ความเข้าใจในสถานการณ์พลังงานไฟฟ้าภาคใต้และประเทศไทย ได้แก่ เรื่อง "การพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของประเทศ" โดย นายอุทัย ม่วงศรีเมืองดี นักวิชาการประจำสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เรื่อง "ทำอย่างไรให้ไฟฟ้ามั่นคง" โดย อาจารย์มนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงานและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน และเรื่อง การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA) โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ขวัญชัย ลีเผ่าพันธุ์ คณะทำงานการจัดทำแนวทางการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์

นายอุทัย ม่วงศรีเมืองดี นักวิชาการประจำสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาคใต้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ประมาณ 2,600 เมกะวัตต์ ร่วมกับการส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงจากภาคกลาง ประมาณ 600 เมกะวัตต์ ซึ่งอาจมองว่าเพียงพอ แต่ถ้าไม่มีการจัดการใด ๆ เลย ในอนาคต ภาคใต้จะมีความเสี่ยงเรื่องความมั่นคงในระบบไฟฟ้า เพราะความต้องการใช้ไฟฟ้าของภาคใต้เพิ่มขึ้นปีละประมาณร้อยละ 3 โดยมีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในภาคธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งคาดการณ์อนาคตในปี 2579 ความต้องการใช้ไฟฟ้าของภาคใต้จะเพิ่มสูงขึ้นถึง 5,500 เมกะวัตต์

ดังนั้น การพัฒนาพลังงานไฟฟ้าให้เพียงพอจึงเป็นเรื่องจำเป็น แต่จะเป็นในรูปแบบใดนั้น จำเป็นต้องศึกษาให้รอบคอบ และมองถึงภาพรวมของประเทศ ไม่มองแบบแยกส่วน ต้องคำนึงถึงราคาที่เหมาะสม และเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าที่เหมาะสมด้วย เพราะมีเชื้อเพลิงให้เลือกหลายชนิด ทั้งก๊าซธรรมชาติ ถ่านหินนำเข้า ก๊าซธรรมชาติเหลวนำเข้า (LNG) น้ำ ลม และแสงอาทิตย์ ซึ่งมีราคาต้นทุนที่แตกต่างกัน และมีข้อดีข้อด้อยที่ต่างกัน

นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงานและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน วิทยากรบรรยายในหัวข้อ ทำอย่างไรให้ไฟฟ้ามั่นคง กล่าวว่า การพัฒนาพลังงานไฟฟ้าต้องคำนึงถึงความมั่นคง โดยมีโรงไฟฟ้าเพียงพอและระบบไฟฟ้ามั่นคง นอกจากนี้ต้องมีราคาที่เป็นธรรม ประชาชนทุกคนสามารถจ่ายได้ และผลิตพลังงานที่เป็นมิตรต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม สามารถดำเนินการได้โดย 1) การลดความเสี่ยงด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่พึ่งพาเชื้อเพลิงชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป และลดการพึ่งพาพลังงานจากภายนอก 2) เสริมสร้างความมั่นคงของระบบ โดยการมีกำลังผลิตสำรองอย่างพอดี มีกำลังผลิตพึ่งพาได้เพียงพอตลอด 24 ชั่วโมง และมีสายส่งที่เพียงพอ

3) มีราคาที่เป็นธรรมและเป็นที่ยอมรับของสังคม สามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคได้ และอยู่ร่วมกับชุมชนได้ ซึ่งมีการออกแบบการพัฒนาพลังงานได้หลายรูปแบบ โดยควรเลือกใช้เชื้อเพลิงในสัดส่วนที่เหมาะสม กับบริบทของประเทศนั้น ๆ เพราะในแต่ละประเทศมีลักษณะที่แตกต่างกัน ในการคิดไม่ควรอิงกับกระแสโลกมากจนเกินไป ต้องศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลให้ถูกต้อง รอบด้าน เพราะเชื้อเพลิงแต่ละชนิดมีข้อดีข้อด้อยต่างกัน ต้องเลือกสัดส่วนเชื้อเพลิงให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย

ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.ขวัญชัย ลีเผ่าพันธุ์ คณะทำงานการจัดทำแนวทางการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ ให้ความรู้เกี่ยวกับ การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) ว่า เป็นเครื่องมือให้รัฐบาลตัดสินใจก่อนการวางนโยบายและแผนการพัฒนาในภาพกว้าง โดยมีกระบวนการพิจารณาครอบคลุม 4 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาอย่างสมดุล หาแนวทางที่ดีที่สุดที่สังคมยอมรับร่วมกันในทุกด้าน โดยมีกระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งปัจจัยสำคัญคือทางเลือกที่เปิดกว้างมากขึ้น ข้อสรุปของการพัฒนามีทางออกเป็นไปได้หลายรูปแบบอย่างเปิดกว้าง อาทิ

อาจมีการเปลี่ยนแปลงขนาด เทคโนโลยี ระยะเวลาดำเนินการ หรือยกเลิก จึงส่งผลให้การพัฒนามีความคลอบคลุมมากขึ้น ซึ่งควรจัดทำควบคู่ไปกับการวางนโยบายและแผนพัฒนาของรัฐบาล เพื่อให้สังคมได้เรียนรู้ร่วมกันและรัฐบาลได้ทบทวนการดำเนินงานให้รอบคอบ มองรอบด้านในเชิงยุทธศาสตร์มากขึ้น และลดความขัดแย้งที่เกิดในสังคมลง ทั้งนี้ การทำ SEA มีความแตกต่างจากการทำ EIA และ EHIA ที่ประเมินผลกระทบในระดับโครงการที่มีโจทย์ในการพัฒนาอยู่แล้ว"

นอกจากนี้ ในภาคบ่ายมีการเสวนา หัวข้อ "ร่วมออกแบบพลังงานไฟฟ้าภาคใต้ให้ยั่งยืน" โดยได้รับเกียรติจาก นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ผศ.ดร.ฐิติศักดิ์ บุญปราโมทย์ ผู้อำนวยการหลักสูตรสหสาขาวิทยาเทคโนโลยีและการจัดการพลังงาน บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายกวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา ดร.สมพร ช่วยอารีย์ นักวิชาการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และ รศ.ดร.ชินสัคค์ สุวรรณอัจฉริยะ อาจารย์มหาวิทยาลัยทักษิณ

ดำเนินการเสวนาโดย คุณสร้อยฟ้า โอสุคนธ์ทิพย์ อดีตผู้ดำเนินรายการข่าวไอทีวี และปัจจุบันเป็นเจ้าของรายการ SMART ENERGY ทางไทยรัฐทีวี โดยมีผู้เข้ารับฟังการเสวนา ร่วมแสดงความคิดเห็นในบรรยากาศที่สร้างสรรค์ โดยภาพรวมเชื่อมั่นในเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าสมัยใหม่ แต่ปัญหาของประเทศไทยคือการรับรู้ข้อมูลที่ไม่เหมือนกันและไม่รอบด้านทำให้เกิดความเข้าใจที่แตกต่างกันมาก ส่งผลให้พัฒนาโครงการต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
#158
สิบสานของดี ควน ทวนยก ศิลปินแห่งชาติ
จัดอบรมพื้นฐานดนตรีโนรา ต่อยอดหนังตะลุง

"ควน ทวนยก" ศิลปินแห่งชาติ ผู้เชี่ยวชาญประจำ มรภ.สงขลา เตรียมจัดอบรมพื้นฐานดนตรีโนรา ต่อยอดหนังตะลุงแบบดั้งเดิม เผยกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรมหนุนงบต่อเนื่อง หวังปลูกฝังคนรุ่นใหม่อนุรักษ์ดนตรีภาคใต้

นายควน ทวนยก ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้าน) ปี 2553 ผู้เชี่ยวชาญพิเศษประจำสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) เปิดเผยถึงโครงการฝึกปฏิบัติการพื้นฐานดนตรีโนราและต่อยอดการเล่นดนตรีหนังตะลุงแบบดั้งเดิม ระหว่างวันที่ 24-25 มี.ค.61 ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติฯ มรภ.สงขลา ว่าเป็นการสานต่อองค์ความรู้จากที่เคยจัดอบรมพื้นฐานดนตรีหนังตะลุงแบบดั้งเดิมไปเมื่อปีที่แล้ว โดยนำประสบการณ์ที่ได้มาถ่ายทอดเอกลักษณ์ทางดนตรีภาคใต้ให้แก่เยาวชนรุ่นหลังอย่างถูกต้อง ไม่เจือปนเครื่องดนตรีสากลแบบการเล่นดนตรีหนังตะลุงและดนตรีโนราเช่นทุกวันนี้ ให้สมกับคำว่าถ้าขาดเสียงแคนก็จะไม่เป็นอีสาน ปี่กลองของภาคใต้ก็เช่นกัน ที่จะทำให้คนทั้งหลายและต่างชาติได้รู้ว่า เครื่องดนตรีภาคใต้นั้นสำคัญมากไม่แพ้ภาคอื่นๆ

นายควน กล่าวว่า การเล่นดนตรีโนราและดนตรีหนังตะลุง มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาจิตใจของบุคคลและชุมชน แต่ปัจจุบันชุมชน สถานศึกษา โรงเรียนต่างๆ ขาดแคลนผู้มีภูมิรู้ที่สามารถเล่นดนตรีโนราและดนตรีหนังตะลุงได้ถูกต้องตามแบบฉบับดั้งเดิม ส่งผลต่อการสืบทอดรูปแบบการเล่นดนตรีแบบดั้งเดิมไว้ได้ ดังนั้น ในฐานะที่ตนได้รับเลือกให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้าน) มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้จัดโครงการนี้ขึ้นโดยนำเด็กและเยาวชนที่สนใจ จำนวน 50 คน เข้ารับความรู้เกี่ยวกับดนตรีโนราจากตนและ อ.ชัย เหล่าสิงห์ นายกสมาคมศิลปินพื้นบ้าน จ.สงขลา พร้อมทั้งฝึกปฏิบัติโหม่ง ฉิ่ง ทับ กลอง ปี่ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม ซึ่งมุ่งหวังในการสร้างภูมิรู้และเครือข่ายด้านดนตรีพื้นบ้าน ให้อยู่คู่ภาคใต้ไปอีกนานแสนนาน

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าอบรมได้ฟรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มรภ.สงขลา โทร. 074-260280
#159
ความฝันอันสูงสุด คอนเสิร์ตการกุศล
เพิ่มโอกาสทางการศึกษาแก่นักเรียนอักษรศิริ

โรงเรียนอักษรศิริ จัดคอนเสิร์ตการกุศล ครั้งที่ 2 "ความฝันอันสูงสุด" โชว์ความสามารถนักเรียนที่ได้รับรางวัลจากเวทีวิชาการระดับต่างๆ และการแสดงของนักเรียนทุกระดับพร้อมแขกรับเชิญพิเศษ หารายได้มอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561 โรงเรียนอักษรศิริ ได้จัดคอนเสิร์ตการกุศล ครั้งที่ 2 "ความฝันอันสูงสุด" ณ สนามกลางแจ้งภายในโรงเรียน โดยได้รับเกียรติจากนายอาหมัด เบ็ญอาหลี รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลาเขต 2 (สพป.สงขลา 2) เป็นประธานในพิธี มี ดร.ศรินรักษ์ ดิษยะศริน ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนอักษรศิริ กล่าวรายงาน พร้อมร่วมต้อนรับแขกผู้เกียรติ ผู้ปกครอง ศิษย์เก่าที่สนใจมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก   

สำหรับคอนเสิร์ตการกุศล ครั้งที่ 2 "ความฝันอันสูงสุด" เป็นรวบรวมการแสดงของนักเรียนทุกระดับชั้น ทั้งการร้องเพลงประสานเสียง รำไทย เต้นประกอบเพลง ซึ่งทางครูและนักเรียนได้ทุ่มเทซ้อมการแสดงกันอย่างเต็มที่ รวมถึงยังมีการแสดงจากศิลปินรับเชิญพิเศษวง PENNY TIME การออกร้านจำหน่ายสินค้าจากคณะผู้ปกครอง ผู้ร่วมสนับสนุน โดยนำรายได้ทั้งหมดร่วมสมทบมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน 

ดร.ศรินรักษ์ ดิษยะศริน ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนอักษรศิริ เปิดเผยว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ทางโรงเรียนได้ระดมทุนจากผู้ปกครองและผู้สนับสนุน เพื่อนำมามอบเป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่เรียนดีแต่ฐานะค่อนข้างลำบาก ให้ได้รับการยกเว้นค่าเทอมตลอดจนจบการศึกษา โดยที่ผ่านมามอบมาแล้ว 80 ทุน และตั้งใจจะมอบเพิ่มอีก 30 ทุนในปีนี้ จึงได้จัดกิจกรรมในครั้งนี้ขึ้นมา โดยได้รับความร่วมมือจากคณะครู ผู้ปกครอง ผู้สนับสนุน รวมถึงนักเรียนทุกคนเป็นอย่างดี

ในส่วนของรูปแบบกิจกรรมได้ใช้ชื่องานว่าความฝันอันสูงสุด เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ให้นักเรียนได้ร่วมขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ประสานเสียง การแสดงรำไทย การเต้นประกอบเพลง ซึ่งเป็นการแสดงที่ได้รับรางวัลในการประกวดจากเวทีต่างๆ มารวมไว้ในงานนี้ทั้งหมด และยังมีการแสดงจากศิลปินรับเชิญพิเศษอีกด้วย

พร้อมกันนี้ อาจารย์อ้อม ได้กล่าวเพิ่มเติม โรงเรียนอักษรศิริ เป็นโรงเรียนสไตล์เลิร์นนิ่งรีสอร์ท ที่สานต่อปณิธานผู้สร้างโรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์ เปิดตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาลถึงม.6 ผู้ปกครองที่สนใจนำบุตรหลานมาเล่าเรียนสามารถแวะมาเยี่ยมชมโรงเรียนทุกวันได้ที่ โรงเรียนอักษรศิริ 199 ซอยพรุฉิมพลี2 ม.1 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา (หลังไทวัสดุ แยกสนามบินใน) โทร 081-5429311 และทาง http://www.facebook.com/AksornsiriHatyai
#160
เชฟรอนแจกน้ำดื่ม งานมาฆบูชาแห่ผ้าขึ้นธาตุ

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2561 บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ร่วมแจกน้ำดื่มกว่า 5,000 ขวด ให้กับประชาชนที่มาร่วมแห่ผ้าขึ้นธาตุ นำผ้าพระบฏมาถวายองค์พระบรมธาตุเจดีย์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและเป็นสิริมงคลเนื่องในวันมาฆบูชาประจำปี 2561 นี้ โดยบรรยากาศในวัดเนื่องแน่นไปด้วยพุทธศาสนิกชน ชาวนครศรีธรรมราช และจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนชาวต่างประเทศจำนวนนับหมื่นคน

ทั้งนี้ ทางจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยความร่วมมือจากหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้จัดพิธีตั้งขบวนแห่ผ้าพระบฎพระราชทานรอบเมือง ร่วมถึง จัดพิธีเวียนเทียนรอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์ในช่วงค่ำคืนนี้อีกด้วย.
#161
เตือนภัยหน้าร้อน เด็ก 10ขวบชวนกันเล่นน้ำในบ่อทรายโดนดูจมหายเสียชีวิต 1รายที่สทิงพระ 

สทิงพระ อุทาหรณ์เด็ก 10 ขวบ ชวนกันไปเล่นน้ำคลายร้อน แต่ถูกทรายดูดจมน้ำ 1 คน ส่วนอีก 2 คน หนีขึ้นมาทัน และล่าสุดเสียชีวิตแล้ว ญาติฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยดูแล เพราะ พื้นที่ดังกล่าวชาวบ้านใช้เป็นที่ออกกำลังกาย และทำกิจกรรมต่างๆอยู่เป็นประจำ

เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 26 ก.พ. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีชาวบ้านจำนวนมากทั้งเด็กและผู้ใหญ่พากันเดินทางมายังสระน้ำริมชายหาดในพื้นที่ ม.2 บ้านพังเสม็ด ต.จะทิ้งพระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา ซึ่งเป็นสระน้ำเก่าขนาดใหญ่ที่ขุดมานานหลายปี หลังจากเมื่อช่วงเย็นของวันเสาร์ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีเด็กในหมู่บ้านจำนวน 3 คน ได้พากันมาเล่นน้ำในสระดังกล่าว และถูกทรายดูดจมน้ำไป 1 คน คือ ดช.ณัฐสิทธิ บุญกำเนิด หรือ น้องเวฟ อายุ 10 ขวบ นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนบ้านจะทิ้งพระ

ส่วนเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันอีก 2 คน นั้น สามารถหนีเอาตัวรอดขึ้นมาได้ ก่อนที่จะตามคนในหมู่บ้านมาช่วยกันงมหาร่างอยู่นานกว่า 1 ชั่วโมง และนำตัวส่งโรงพยาบาลสงขลา แต่อาการหนักและได้เสียชีวิตลงเมื่อช่วงเย็นของวันนี้

จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า สระน้ำที่เกิดเหตุขณะนี้อยู่กำลังอยู่อยู่ในช่วงของการปรับพื้นที่ โดยทางกรมทรัพยากรน้ำ ได้ทำการขุดทรายจากสระที่อยู่ใกล้กันไม่กี่ร้อยมาเมตร เพื่อทำโครงการประปาหมู่บ้าน และมาถมกลบที่สระเก่าแห่งนี้ที่ขุดมานานแล้ว โดยมีขนาดใหญ่ประมาณ 40 คูณ 20 เมตร ซึ่งขณะนี้มีการถมกลบไปเกินกว่าครึ่งสระแล้ว และคาดว่าเด็กๆ น่าจะลงไปเล่นน้ำในส่วนที่ทรายเพิ่งถมลงไปใหม่ๆ ซึ่งยังไม่อิ่มน้ำ และอัดแน่นมากพอ จึงทำให้เกิดเป็นทรายดูดเมื่อมีคนตก หรือย่ำลงไปในพื้นทราย จนไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ และถูกดูดจมหายลงไปในน้ำ กระทั่งขาดอากาศหายใจ และเป็นเหตุเสียชีวิตในที่สุด

ทั้งนี้ สำหรับศพของน้องเวฟ นั้น ทางญาติได้รับกลับมาจากโรงพยาบาลสงขลา เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาและจะตั้งศพบำเบ็ญกุศลที่ศาลากลางหมู่บ้าน ม.2 ต.จะทิ้งพระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา โดยทางญาติอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาช่วยเหลือ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวนั้น ชาวบ้านใช้ทั้งเป็นเป็นที่ออกกำลังกาย และทำกิจกรรมต่างๆอยู่เป็นประจำ

และขอฝากเตือนไปยังผู้ปกครองทุกท่าน ช่วงนี้เป็นหน้าร้อนและใกล้ปิดเทอมแล้วขอให้ดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นห้วงเวลาที่เด็กไทยเสียชีวิตจากการจมน้ำมากที่สุด
#162
ในข่าวไม่ได้มีรายละเอียดด้านค่าใช้จ่ายมาให้ครับ
#163
ส้มตำตลับ แซ่บซี๊ดไม่เหมือนใคร
ของดีที่ต้องแวะเมื่อมาเยือนนาทวี

ขอแนะนำร้านส้มตำร้านใหม่ ที่โด่งดังมากในโลก social  (ส้มตำตลับ )แม่ค้า สุดแซ่บ นามเรียกขานว่าตลับ  เธอเก่งกาจชำนาญนัก ในการตำส้มตำ

นายกฤษฎา หมัดแหละ หรือ  "ตลับ" สุดแซ่บ ที่เปิดร้านส้มตำ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 เริ่มต้นจากการทำขายออนไลน์ ลูกค้าสั่งมาก็ทำไว้ให้ใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็เป็นที่รู้จักไปทั้งอำเภอนาทวี ด้วยลูกเล่นที่แพรวพราวเกินใครทัดเทียม ทำให้ลูกค้า ติดใจทั้งฝีมือส้มตำ และความน่ารักของแม่ค้า

เหตุที่ลูกค้าติดใจ ทั้งกินที่ร้านและสั่งกลับบ้าน เพราะรสชาติเหมือนกันทุกจาน แซ่บที่ร้านยังไง แซ่บที่บ้านอย่างนั้น สูตรเฉพาะที่คิดเอง พร้อมได้เตรียมน้ำส้มตำไว้ล่วงหน้าทำให้การตำส้มตำทำได้รวดเร็วและมีรสชาติเหมือนกันนั้นเอง

แม่ค้า "ตลับ" บอกเล่าอย่างสนุกว่า จากนาทวีไป ตั้งแต่เป็นเด็กไม่ประสา สู่แม่ค้าส้มตำออนไลน์ จากบ้านไปนาน จากเป็นเด็กชาย กลับมาเป็นนางสาวตลับ เลยค้า
ส้มตำตลับ เป็นที่นิยมของชาวอำเภอนาทวี มีเมนูที่หลากหลาย อาทิ ตำข้าวโพด  ตำลำไย ส้มตำถาด จัดเต็มมาทั้งถาด ,ตำปลาร้าหอยแครง ตำปูปลาร้าเป็นต้น

เลือกได้สั่งได้ ใครที่กินปลาร้า ก็จะมีครกที่ไว้ทำส้มตำที่ใส่ปลาร้าโดยเฉพาะ ใครที่ไม่ทานก็มีครกทำแยกไว้ ทานเผ็ดไม่ทานเผ็ดบอกได้ เมนูเด็ด สั่งตามใจแม่ค้าไปได้เลย แม่ค้าตลับจัดให้ และเมนูอื่นอีกมากมาย อาทิ .ส้มตำ ยำ ลาบ ไก่ย่าง ปลาเผา  ราคาเริ่มต้น 40 - 50 บาท ใครๆก็ทานได้

ร้านส้มตำ "ตลับ" เปิดให้บริการวัน เสาร์ถึงวันพฤหัสบดี เปิดตั้งแต่ เวลา 10.00 น. – 20.00 น. หยุดทุกวันศุกร์  ตัวร้านก็ตั้งอยู่ไม่ไกลจากหน้าอำเภอนาทวี เพียงไม่กี่กิโลเมตร ก็ถึงแล้วอยากดูเมนู ความแซ่บของแม่ค้าก็ดูผ่านเฟสบุ๊คได้ ที่ "ส้มตำตลับ แซ่บสั่งได้"  หรือจะโทรสั่งก็ได้ ที่เบอร์ 061-1838868
#164
ทน.หาดใหญ่ ผนึกกำลังหลายภาคส่วน
เตรียมจัดมวยหาดใหญ่ไฟท์ พัฒนาการศึกษา ท.1

ผนึกกำลังหลายภาคส่วนเตรียมจัดมวยศึกหาดใหญ่ไฟท์ มวยไทย 3ยก มวยไทยปะทะมวยเทศ ระเบิดความมันส์ 2 มีนาคมนี้ หารายได้สมทบทุนพัฒนาคุณภาพการศึกษาโรงเรียน ยกระดับสู่โรงเรียนมัธยมชั้นนำ

โรงเรียนเทศบาล1 (เอ็งเสียงสามัคคี) เทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา. จัดแถลงข่าวการจัดการแข่งขันชกมวยไทยศึกหาดใหญ่ไฟท์ เพื่อการกุศล โดยมีการขนขุนพลนักมวยไทยไฟท์แถวหน้าของประเทศไทย มาขึ้นชกกับนักมวยต่างชาติฝีมือดี ชกแบบมวยไทยไฟท์ 3ยก จำนวน 7 คู่ และมวยไทยเยาวชนสมทบอีก 3 คู่ กำหนดจัดการแข่งขันในวันศุกร์ที่ 2 มีนาคม 2561 ณ สนามโรงเรียนเทศบาล1 (เอ็งเสียงสามัคคี) เทศบาลนครหาดใหญ่

พร้อมเปิดให้เข้าชมฟรี พร้อมมีการถ่ายทอดสดทางช่อง5 ,หาดใหญ่เคเบิล93 และทางแฟนเพจมวยไทย100% ส่วนผู้ที่สนใจร่วมสมทบทุนสนับสนุนโรงเรียนสามารถซื้อเสื้อหาดใหญ่ไฟท์ ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นพิเศษในราคาตัวละ 399 บาท สามารถสั่งซื้อได้ที่โรงเรียน และเทศบาลนครหาดใหญ่

สำหรับรายได้จากการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ จะมอบสมทบทุนสันบสนุนการจัดการศึกษาของโรงเรียนเทศบาล1 ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนาเป็นโรงเรียนที่เปิดสอนในระดับมัธยมศึกษาเพียงอย่างเดียว และทางเทศบาลนครหาดใหญ่ มุ่งมั่นยกระดับให้เป็นโรงเรียนมัธยมชั้นนำ เพื่อสร้างคุณภาพทางการศึกษาแก่บุตรหลานชาวหาดใหญ่และใกล้เคียงต่อไป
#165
ออกหมายจับแก๊งที่ก่อเหตุยิงถล่มกันกลางเมืองแล้ว ย้อนประวัติไม่ธรรมดาพบเกี่ยวข้องยาเสพติด

ตำรวจออกหมายจับแกงค์ค้ายาเสพติดที่ยิงถล่มกันกลางเมืองหาดใหญ่แล้ว2คนและเข้ามอบตัวอีก 1คน เร่งไล่ล่าติดตามจับกุมและรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับทั้งสองแกงค์อย่างน้อย 8คน ด้านพนักงานสอบสวนได้นำรถเก๋งที่ใช้ก่อเหตุทั้ง 2คันส่งไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน10 จ.ยะลา ในขณะที่ชาวบ้านซึ่งรถเสียหายจากถูกยิงทยอยนำรถเข้าแจ้งความเอาผิด พร้อมพาย้อนประวัติสุดแสบ

ความคืบหน้าเหตุแกงค์นักเลงอันธพาลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด2แกงค์ใหญ่ในอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา   ขับรถเก๋งใช้อาวุธปืนไล่ยิงถล่มกัน20นัด บนถนนสามชัยเรื่อยมาจนถึงถนนจุติอนุสรณ์ กลางเมืองหาดใหญ่อย่างอุกอาจเมื่อช่วงเที่ยงคืนวันที่22 มกราคมที่ผ่านมา  ซึ่งภาพจากกล้องหน้ารถบันทึกเหตุการณ์ขณะไล่ยิงบางส่วนเอาไว้ได้ เหตุการณ์นี้มีรถยนต์ของชาวบ้านได้รับความเสียหาย4คันแต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

ล่าสุดในวันนี้(23ม.ค.) ทางตำรวจสภ.หาดใหญ่ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุแล้วจำนวน 2 คน คือ นายสุเชษฐ์  สุวรรณวงศ์ อายุ  32ปี หรืออ้วนเซียงตึ้ง และนายวี หรือวีถาวร ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริงซึ่งอยู่ในแกงค์เดียวกันและทางชุดสืบสวนสภ.หาดใหญ่ กำลังอยู่ระหว่างการหาเบาะแสติดตามจับกุม ส่วนในฝ่ายของแกงค์สัก ผาสุก (หรือนายเกรียงศักดิ์ ถิระไชย อายุ 35 ปี)  ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจแล้ว1คน คือ นายรัชพล  รัตน์ชัย  อายุ 21 ปี พร้อมอาวุธปืนที่ก่อเหตุอีก1กระบอก ส่วนสัก ผาสุก เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับ

สำหรับคดีนี้จากการสอบสวนพยานแวดล้อมมีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งสองแกงค์ที่คาดว่าจะอยู่ร่วมในเหตุการณ์ยิงถล่มกันครั้งนี้ทั้งหมด 8 คนโดยอยู่ในแกงค์"อ้วนเซียงตึ้ง"5คนและอยู่ในแกงค์ของ"สักผาสุก"3คน ซึ่งเจ้าหน้าที่มีชื่อและข้อมูลหมดแล้วและอยู่ระหว่างการรวบรวบพยานหลักฐานออกหมายจับเพิ่มเติม ในส่วนของรายละเอียดทางคดีอื่นๆในวันนี้ทางพนักงานสอบสวนได้นำรถเก๋งฮอนด้าแอคคอร์ทสีขาว หมาย กร 8163 ภูเก็ต รถเก๋งมาสด้า3 สีเทา ทะเบียน กว 5386 สงขลา ซึ่งเป็นรถทั้งสองทีมใช้ก่อเหตุไปตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน10 จ.ยะลา นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านที่รถโดนลูกหลงถูกยิงเสียหายได้ทยอยเข้าแจ้งความกับตำรวจเพื่อเอาผิดกับกลุ่มผู้ที่ก่อเหตุเพิ่มเติมด้วย

ล่าสุดจากการตรวจสอบเรื่องราวย้อนหลังของทั้งสองแกงค์นี้ โดยเฉพาะแกงค์ นายสุเชษฐ์ สุวรรณวงศ์ อายุ 32 ปี หรืออ้วนเซียงตึ้ง พบว่าเมื่อวันที่11มกราคมที่ผ่านมา รถเก๋งฮอนด้าซีวิค สีดำ หมายเลขทะเบียน ขธ-6429 สงขลา ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยค้ายาเสพติดที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับอ้วนเซียงตึ้ง

เคยถูกเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดไล่ติดตามจนกระทั่งเสียหลักพุ่งตกลงคลองบริเวณประตูระบายน้ำคลองต่ำ ใกล้กับสี่แยกควนลัง เขตเทศบาลเมืองควนลัง ซึ่งอยู่ชานเมืองหาดใหญ่ จนจมมิดทั้งคันส่วนชายที่อยู่ในรถ2คนปลอดภัยแต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายภายในรถเจ้าหน้าที่จึงได้ปล่อยตัวไป

โดยระหว่างนั้นได้มีรถเก๋งฮอนด้าแอคคอร์ท สีขาว หมาย กร-8163 ภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในรถที่ไล่ยิงถล่มกันกลางเมืองหาดใหญ่ ได้ขับเข้ามายังจุดเกิดเหตุโดยมีกลุ่มชายและหญิงนั่งมาในรถ 5คนและพยายามช่วยกันหาสิ่งของบางอย่างในบริเวณจุดเกิดเหตุก่อนที่จะรับตัวคนขับรถเก๋งที่ตกคลองขับออกไป ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าทั้งหมดอยู่ในเครือข่ายเดียวกันกับแกงค์"อ้วน เซียงตึ้ง"

พร้อมมีรายงานเพิ่มเติมว่าล่าสุดวันที่ 23 ม.ค. 61 ศาล จ.สงขลา ได้อนุมัติออกหมายจับกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว 2 คน คือ นายสุเชษฐ์ สุวรรณวงศ์ อายุ 32 ปี หรือ "อ้วน เซี่ยงตึ๊ง" และ นายธนภณ ไชยสาร อายุ 35 ปี หรือ "วี ถาวร" ที่อยู่ในแก๊งเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องได้เข้ามอบตัวกับตำรวจอีก 1 คน คือ นายรัชพล รัตน์ชัย อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นลูกน้องของทางฝั่ง "ศักดิ์ ผาสุข" พร้อมอาวุธปืนพกสั้นที่ใช้ก่อเหตุ 1 กระบอก

และในช่วงเที่ยงวันนี้ ทาง พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร ผกก.สภ.หาดใหญ่ และ พ.ต.ท.ธนวัต เส้งสุย รอง ผกก.สส.สภ.หาดใหญ่ สามารถติดตามจับกุม นายธนภณ ไชยสาร อายุ 35ปี หรือ "วี ถาวร" ที่ถูกออกหมายจับได้แล้ว 1 คน ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และเป็นเจ้าของรถเก๋ง ฮอนด้า แอคคอร์ท สีขาว ทะเบียน กร-8163 ภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในรถที่ขับไล่ยิงกัน และช่วงสุดท้ายได้จอดอยู่บนลานจอดรถ ชั้น 2 ของโรงแรมหรรษาเจบี ในย่านเกิดเหตุ ในสภาพยางล้อหลังด้านขวาแตก และขณะนี้ได้ถูกควบคุมตัวมาสอบสวนขยายผลที่ สภ.หาดใหญ่

โดย นายธนภณ ให้การว่า เหตุการณ์นี้มีรถที่ร่วมก่อเหตุทั้งหมด 3 คัน โดยในคืนเกิดเหตุนั้น ตนได้ขับรถเก๋ง ฮอนด้า แอคคอร์ท ออกมาจากโรงแรมหรรษาเจบี และถูกรถเก๋งมาสด้า 3 สีเทา ของ "ศักดิ์ ผาสุข" หรือ นายเกรียงศักดิ์ ถิระไชย ไล่ยิง จากนั้นได้มีรถเก๋งอีกคันของ "อ้วน เซี่ยงตึ๊ง" ซึ่งเป็นลูกพี่ของตน ได้ขับมาช่วย และไล่ยิงรถของ "ศักดิ์ ผาสุข" จนเสียหลักหมุนคว้างกลางถนนตามที่ปรากฎในคลิปจากกล้องหน้ารถ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาดำเนินคดี นายธนภณ ในฐานความผิดร่วมกันพยายามฆ่าซึ่งกันและกัน ส่วนผู้ต้องหาคนอื่น รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมอย่างเร่งด่วนแล้ว สำหรับ นายธนภณ หรือ "วี ถาวร" หนึ่งในแก๊ง "อ้วน เซี่ยงตึ๊ง" ที่ถูกจับกุมได้นั้น จากการตรวจสอบพบว่า เคยขับรถเก๋ง ฮอนด้า แอคคอร์ท คันดังกล่าว ไปรับทีมงานที่อยู่ในแก๊งเดียวกัน ซึ่งขับรถเก๋งตกคลองหน้าประตูระบายน้ำคลงอต่ำ พื้นที่เขตเทศบาลเมืองควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า ถูกเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดไล่ล่า แต่ในครั้งนั้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายในรถ จึงไม่ถูกจับกุม