Main Menu

ข่าว:

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ www.SongkhlaMedia.com เรียนเชิญชาวสงขลาและทุกท่านร่วมขับเคลื่อนเว็บไซต์สาระที่มากกว่าข่าว ร่วมขับเคลื่อนไปด้วยกันเพื่อสงขลาบ้านเรา

กระทู้ล่าสุด

#1
กฟผ. โรงไฟฟ้าจะนะ ร่วมโครงการปลูกข้าว "นานี้พี่น้องปีที่ 3"  ณ  ทุ่งนาบ้านป่าชิง หมู่ที่ 1 ตำบลป่าชิง อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา

วันศุกร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567  นายชนาธิป   ชิตพงศ์  ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าจะนะ พร้อมด้วยผู้ปฏิบัติงานแผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนโรงไฟฟ้าจะนะ เจ้าหน้าที่ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ.จะนะ  ร่วมกิจกรรมโครงการปลูกข้าว  "นานี้พี่น้องปีที่ 3"  โดยโรงเรียนบ้านป่าชิง ชุมชนบ้านป่าชิง ร่วมกับโรงเรียนวัดทุ่งพระ โรงเรียนวัดบ้านไร่ โรงเรียนวัดนาปรือ โรงเรียนบ้านป่างาม  โรงเรียนเกาะทาก  โรงเรียนบ้านนาหว้า (นิคมอุทิศ)  โรงเรียนบ้านควนขี้แรด ปลูกข้าว เพื่อนำผลผลิตจากโครงการเป็นอาหารกลางวันให้กับนักเรียนในโรงเรียนดังกล่าว  ณ ทุ่งนาบ้านป่าชิง ม.1 ตำบลป่าชิง อำเภอจะนะ  จังหวัดสงขลา 

โดยมีนายสัญญา  แหละหมัน ปลัดหัวหน้ากลุ่มงานความมั่นคง อำเภอจะนะ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมในครั้งนี้  และมีหัวหน้าส่วนราชการ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ผู้นำชุมชน ประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรม

#โรงไฟฟ้าจะนะ #กฟผ #EGATforAll
#2
กฟผ.โรงไฟฟ้าจะนะ ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขอำเภอจะนะ และโรงพยาบาลศิครินทร์หาดใหญ่ จัดกิจกรรมแพทย์เคลื่อนที่ประจำปี 2567

ระหว่างวันที่ 5-7 พฤศจิกายน 2567  การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โรงไฟฟ้าจะนะ ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขอำเภอจะนะ และโรงพยาบาลศิครินทร์ หาดใหญ่จัดกิจกรรมแพทย์เคลื่อนที่ ประจำปี 2567 พร้อมทั้งให้บริการนวดแผนไทย และการตัดผมจากโรงเรียนเสริมสวยดาวสยาม โดยกำหนดจัดกิจกรรม 3 วัน 3 สถานที่ ในอำเภอจะนะ ดังนี้

5 พฤศจิกายน 2567 ณ ศาลาประชาคมมัสยิดบ้านปากจด หมู่ที่ 12 ตำบลนาทับ
6 พฤศจิกายน 2567 ณ ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) บุสตานุดดีน หมู่ที่ 11 ตำบลจะโหนง
7 พฤศจิกายน 2567 ณ มัสยิดบ้านควนหัวช้าง หมู่ที่ 6 ตำบลคลองเปียะ

ทั้งนี้ กฟผ. ต้องขอขอบคุณสาธารณสุขอำเภอจะนะ โรงพยาบาลศิครินทร์ หาดใหญ่ โรงเรียนเสริมสวยดาวสยาม ที่ร่วมกันจัดกิจกรรม ขอขอบคุณผู้ดูแลสถานที่จัดกิจกรรม  สำหรับการเอื้อเฟื้อสถานที่ และที่ขาดไม่ได้เจ้าหน้าที่ทุกคนทุกภาคส่วน ตั้งแต่ฝ่ายจัดเตรียมสถานที่ ฝ่ายบริการ ฝ่ายแพทย์ และอาสาสมัครทุกคน ที่ร่วมมือร่วมใจในการทำให้กิจกรรมครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
#3
(13 พ.ย.67) นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน และนายจักรพันธ์ กิ่งแก้ว พลังงานจังหวัดสงขลา ได้พาคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับธนาคารปูม้าและสัตว์น้ำ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างชุมชน หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานเอกชน โดยครั้งนี้ได้เข้าเยี่ยมชมกลุ่มอนุรักษ์เพาะฟักลูกปูและสัตว์น้ำ กลุ่มพังสาย ต.กระดังงา อ.สทิงพระ จ.สงขลา ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงพลังงาน

สถานที่แห่งนี้ชาวบ้านจะเรียกว่า ธนาคารปูม้า โดยมีการรวมกลุ่มนำปูม้าที่มีไข่นอกกระดองที่ถูกจับโดยชาวประมงจะถูกขายเป็นปูเนื้อ ส่วนไข่นอกกระดองจะถูกตัดทิ้ง ทำให้โอกาสในการขยายพันธุ์ของปูม้าลดลง โดยแม่ปู 1 ตัว สามารถมีไข่ได้ตั้งแต่ 5 แสน ถึง 1 ล้านฟอง และมีโอกาสรอดชีวิตไปเป็นตัวเต็มวัยได้ร้อยละ 10 ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าและพัฒนาความเป็นอยู่ให้กับชุมชน ชาวประมงในพื้นที่ได้ตระหนักถึงปัญหานี้ จึงได้รวมตัวกันจัดตั้งกลุ่มอนุรักษ์ชายฝั่ง และริเริ่มจัดทำโครงการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขึ้น เพื่อวางกลไกการอนุรักษ์สัตว์น้ำ

โดยรับจำนำปูที่มีไข่นอกกระดองมาเอาไข่ออก เพื่ออนุบาลในบ่ออนุบาลและเพาะฟักออกเป็นลูกปู สามารถนำไปปล่อยให้เจริญเติบโตตามธรรมชาติได้ เพื่อให้การประมงในพื้นที่เป็นไปอย่างยั่งยืน ซึ่งในการอนุบาลปูม้า จะต้องสูบน้ำทะเลขึ้นมาใช้ในบ่ออนุบาล และต้องเติมออกซิเจนในบ่อตลอดเวลา ซึ่งต้องใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานหลักในการผลิตออกซิเจน ที่ผ่านมาพบปัญหากระแสไฟฟ้าตก-ดับบ่อย ส่งผลให้ไม่สามารถเติมออกซิเจนในบ่ออนุบาลได้ตลอดเวลา และทำให้ลูกปูมีอัตราการรอดชีวิตน้อย

กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานพลังงานจังหวัดสงขลา ได้เห็นถึงสภาพปัญหาดังกล่าว จึงได้สนับสนุนเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อใช้ผลิตออกซิเจนในการอนุบาลสัตว์น้ำ ขนาดไม่ต่ำกว่า 2.4 Kw (กิโลวัตต์) และระบบกักเก็บพลังงาน ขนาด 5 KWh (กิโลวัตต์-ชั่วโมง) ซึ่งสามารถรองรับการใช้ไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยแก้ปัญหากระแสไฟฟ้าตกหรือดับ ทำให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของลูกปูได้เป็นอย่างดี

ปัจจุบันกระทรวงพลังงาน ได้สนับสนุนการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับกลุ่มชาวประมงและกลุ่มอนุรักษ์สัตว์น้ำในจังหวัดสงขลารวมจำนวน 9 แห่ง ได้แก่   

1. ศูนย์เพาะฟักลูกปูกลุ่มปากบางเทพา ต.ปากบาง อ.เทพา
2. กลุ่มธนาคารปูบ้านพังสาย ต.กระดังงา อ.สทิงพระ
3. ศูนย์เพาะฟักลูกปูม้าบ้านพังเค็ม ต.วัดสน อ.ระโนด
4. กลุ่มประมงอนุรักษ์กุ้งก้ามกรามและพัฒนาชายฝั่ง ม.6 ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์
5. กลุ่มเขตฟาร์มทะเลและอนุรักษ์ทรัพยากรประมง ม.8 ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์
6. กลุ่มธนาคารปูบ้านหัวคุ้ง ม.5 ต.ท่าบอน อ.ระโนด
7. กลุ่มธนาคารปูม้าชุมชนบ้านท่าเข็น ม.1 ต.คลองแดน อ.ระโนด
8. กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรประมงบ้านม่วงพุ่ม ม.8 ต.ม่วงงาม อ.สิงหนคร
9. กลุ่มธนาคารปูม้าบ้านชุมพล ต.ชุมพล อ.สทิงพระ

โดยนายหมาน จันทร์ลิหมัด หัวหน้ากลุ่มอนุรักษ์เพาะฟักลูกปูและสัตว์น้ำ กลุ่มพังสาย กล่าวว่า "ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มีความสำคัญอย่างยิ่งในการลดค่าใช้จ่าย จากปกติเสียค่าไฟฟ้าเดือนละประมาณ 1,800 - 1,900 บาท เหลือเพียงเดือนละประมาณ 800 - 900 บาท ทำให้ต้นทุนในการเพาะฟักลูกปูลดน้อยลง อีกทั้งยังสามารถลดปัญหาไฟตกไฟดับ นอกจากนั้น ระบบผลิตไฟฟ้าที่ติดตั้งยังสามารถใช้ประโยชน์ในการชาร์จไฟสำหรับแบตเตอรี่เรือประมง ช่วยลดการเดินทางไฟชาร์จในตลาดซึ่งต้องจ่ายครั้งละ 40 บาท ลดต้นทุนมาชาร์จที่นี่จ่ายค่าบำรุงแค่ 20 บาท และที่นี่ยังเป็นศูนย์การเรียนรู้เพาะฟักสัตว์น้ำสำคัญของจังหวัดสงขลา ที่มีผู้สนใจมาศึกษาดูงานและขอพันธุ์สัตว์น้ำอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า "กลุ่มพังสายเป็นต้นแบบที่ดีของการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ที่มุ่งเน้นเรื่องการบริหารจัดการอนุรักษ์และอนุบาลสัตวน้ำในท้องถิ่น อย่างปูม้า และขยายผลไปถึงสัตว์ทะเลต่าง ๆ อย่าง กุ้ง หมึก หอย โดยได้รับความร่วมมือและการบูรณาการจากหลายภาคส่วน ทั้งท้องถิ่นที่มีความตั้งใจขับเคลื่อนกลุ่มให้มีความยั่งยืน สร้างความเป็นอยู่ของชุมชนให้ดียิ่งขึ้น ภาคเอกชนที่สนับสนุนโครงสร้าง อุปกรณ์ เครื่องมือจำเป็นต่างๆ ภาคการศึกษา ช่วยสนับสนุนองค์ความรู้ให้ชุมชน และเข้ามาสนับสนุนการบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่างๆ และภาครัฐที่ช่วยผลักดัน สนับสนุนให้กลุ่มเข้าถึงงบประมาณและเครื่องมือต่างๆ

ในส่วนของกระทรวงพลังงาน ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนช่วยในการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายของกลุ่มในการดำเนินการต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชน รวมถึงเศรษฐกิจของจังหวัดสงขลาได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเราจะนำโมเดลของจังหวัดสงขลาไปขยายใช้กับกลุ่มอาชีพอื่นๆ เพื่อช่วยในการลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานด้วย"
#4
เริ่มแล้ว "งานมหกรรมวันส้มโอหอมควนลังและของดีเมืองควนลัง" 6-10 พ.ย.นี้

6 พฤศจิกายน 2567 นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานมหกรรมวันส้มโอหอมควนลังและของดีเมืองควนลัง โดยมี "สส.น้ำหอม" นางสาวสุภาพร กำเนิดผล "สส.สิงโต" นายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่นพื้นที่ใกล้เคียง แขกผู้มีเกียรติ และพี่น้องประชาชน ร่วมงานเป็นจำนวนมาก

นายสมบูรณ์ ปัญญาธนกร นายกเทศมนตรีเมืองควนลัง และคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล ส่วนราชการ ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมกล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์การจัดงานว่า เนื่องจากส้มโอหอมควนลัง เป็นผลไม้ท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์พิเศษ มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อสีชมพู มีกลิ่นหอม ไร้เมล็ด และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ให้กับส้มโอหอมควนลัง เป็นชนิดแรกของจังหวัดสงขลาด้วย เทศบาลเมืองควนลัง จึงได้กำหนดการจัดงานร่วมกับของดีเมืองควนลังชนิดอื่นๆ เป็นงานประจำปีขึ้นในครั้งนี้

โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมมอบรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศการประกวดสินค้าเกษตรชนิดต่างๆ พร้อมกล่าวชื่นชมเทศบาลเมืองควนลัง ที่จัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่สำคัญยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าทางการเกษตรของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะส้มโอหอมควนลัง ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน เป็นผลไม้ท้องถิ่นที่ตลาดมีความต้องการสูง เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ ขอให้การจัดงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จและเป็นงานประจำปีที่ยิ่งใหญ่คู่เมืองควนลังตลอดไป

ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมงานมหกรรมวันส้มโอหอมควนลังและของดีเมืองควนลัง ระหว่างวันที่ 6 – 10 พฤศจิกายน 2567 ณ ลานข้างสำนักงานเทศบาลเมืองควนลัง ถ.ลพบุรีราเมศวร์-สนามบิน ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
#5
ข่าวสงขลา / "อาวดี้ หาดใหญ่" ลงทุนกว่า 120...
กระทู้ล่าสุด โดย สงขลามีเดีย - 04:08 น. วันที่ 02 11 67
"อาวดี้ หาดใหญ่" ลงทุนกว่า 120 ล้าน สร้างโชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรพร้อมเป็นศูนย์กลางของภาคใต้ตอนล่าง

เปิดอย่างเป็นทางการโชว์รูม "อาวดี้ หาดใหญ่" ใหญ่ มาตรฐาน บริการครบวงจร ใช้เงินลงทุนมูลค่ามากกว่า 120 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 3,200 ตารางเมตร ครอบคลุมการจำหน่ายและบริการหลังการขายอย่างครบวงจรแห่งแรกในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง

1 พฤศจิกายน 2567 นายเศวต เพชรนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดงาน Audi Hat Yai Grand Opening การเปิดโชว์รูม "อาวดี้ หาดใหญ่" ภายใต้การบริหารของบริษัท ริช แอนด์ เบสท์ ออโต้ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์อาวดี้อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยมีผู้บริหารอาวดี้ ไทยแลนด์ นายกฤษฎา ล่ำซำ และนายกฤษณะกร เศวตนันทน์ พร้อมผู้บริหารรุ่นใหม่ของหาดใหญ่นำโดยนายชณนก จันทร์มา ร่วมให้การต้อนรับลูกค้า แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมแสดงความยินภายในงานวันนี้

สำหรับโชว์รูมอาวดี้ หาดใหญ่ (Audi Hat Yai) ตั้งอยู่บนถนนสายเอเชีย (เลี่ยงเมือง) ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา (ขาล่องช่วงระหว่างแยกควนลังกับแยกสนามบินใน) เส้นทางเศรษฐกิจสายหลักที่เชื่อมโยงการเดินทางของจังหวัดสงขลาและจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมเป็นโชว์รูมหลักที่ให้บริการลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง

โดยโชว์รูมอาวดี้ หาดใหญ่ (Audi Hat Yai) มีพื้นที่ให้บริการขนาด 3,200 ตารางเมตร มีทั้งโชว์รูมฝ่ายขายที่มีรถเพียบพร้อมทุกรุ่น มีรถทดลองขับ และทีมงานคุณภาพคอยต้อนรับใส่ใจดูแลลูกค้าทุกท่าน ฝ่ายบริการหลังการขาย (Service) มีทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการอบรมตามมาตรฐาน AUDI AG พร้อมรองรับการบริการและดูแลรถทุกรุ่นด้วยคุณภาพ อีกทั้งยังมีแผนการขยายศูนยฺซ่อมสีและตัวถัง (Body & Paint) เพื่อให้บริการครอบคลุมมากยิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า

Audi Hat Yai เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้ววันนี้ ทั้งฝ่ายขายและฝ่ายบริการหลังการขาย (Service) ยกขบวนรถโชว์และรถทดลองขับหลากหลายรุ่น มาให้ลูกค้าชาวหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียงได้สัมผัสรถยนต์นำเข้า 100% มาตรฐานเยอรมันแล้ววันนี้ที่โชว์รูมอาวดี้ หาดใหญ่
เปิดให้บริการทุกวัน
•วันจันทร์-เสาร์ เปิดให้บริการเวลา 8:30-17:30 น.
•วันอาทิตย์ เปิดให้บริการเวลา 9:00-18:00 น. (เฉพาะฝ่ายขาย)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
• โทร  : (+66)98-140-1440
• Line : @audihatyai   
• Inbox Facebook : Audi Hatyai

#AUDI #AUDIHATYAI #AUDITHAILAND #อาวดี้ #อาวดี้ประเทศไทย
#6
5 ตำบลที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดสงขลา

ตำบลสำนักแต้ว มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 268.66 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 167,913 ไร่
ตำบลเขาพระ มีเนื้อที่รวมทั้งสิ้น 207.7 ตารางกิโลเมตร ( 129,812.50 ไร่ )
ตำบลวังใหญ่ เป็นองค์การบริหารส่วนตำบลขนาดเล็ก มีพื้นที่ 157.84 ตารางกิโลเมตร หรือ 98,648 ไร่
ตำบลคลองหอยโข่ง มีเนื้อที่ประมาณ 117.2 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 73,280 ไร่
เมืองปาดังเบซาร์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา มีพื้นที่ 11.22 ตาราง  มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 159.44 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นเนื้อที่ทั้งหมด 121,250 ไร่
ตำบลนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา มีเนื้อที่ 8.52 ตร.กม. คิดเป็น 5,325 ไร่ มีเนื้อที่ทั้งหมด จำนวน 114 ตารางกิโลเมตร หรือมีเนื้อที่จำนวนประมาณ 71,250 ไร่.
ตำบลทุ่งตำเสาเป็นที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในอำเภอหาดใหญ่ มีพื้นที่ 114.43 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 71,518.12 ไร่.

ตำบลกำแพงเพชรมีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 86.6 ตารางกิโลเมตร (54,125 ไร่)
ตำบลคูหาใต้ มีเนื้อที่รวมทั้งสิ้น 42.90 ตารางกิโลเมตร (26,812.5)
#7
โรงไฟฟ้าจะนะ ให้การต้อนรับคณะศึกษาดูงานจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม 2567 โรงไฟฟ้าจะนะ จังหวัดสงขลา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้การต้อนรับคณะศึกษาดูงานจากหลักสูตรสาธารณสุขศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาสาธารณสุขชุมชน คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ซึ่งมีความสนใจดูงานในด้านการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ โดยมีนางสาววงเดือน  บัวเนี่ยว  นักวิทยาศาสตร์ระดับ 7 แผนกสิ่งแวดล้อม  เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้พร้อมตอบข้อซักถาม

#แผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์โรงไฟฟ้าจะนะ #โรงไฟฟ้าจะนะ #EGATforALL
#8
โรงไฟฟ้าจะนะ ให้การต้อนรับคณะศึกษาดูงานจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
วันพุธที่ 2 ตุลาคม 2567 โรงไฟฟ้าจะนะ จังหวัดสงขลา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้การต้อนรับคณะศึกษาดูงานจากคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ซึ่งมีความสนใจดูงานในด้านงานประชาสัมพันธ์ โดยมีนางธัญนุช พูลสวัสดิ์  วิทยากรระดับ 6 แผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์โรงไฟฟ้าจะนะ เป็นวิทยากร
แผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์โรงไฟฟ้าจะนะ #โรงไฟฟ้าจะนะ #EGATforALL
#9
"สส.น้ำหอม" นำคณะกรรมาธิการการแรงงาน เยี่ยมชมกลุ่มเครื่องแกงสมุนไพรบ้านควนเสม็ด

วิสาหกิจชุมชน การรวมกลุ่มของสมาชิกเพื่อร่วมกันสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้เสริมให้ครอบครัว เป็นงานที่ "สส.น้ำหอม" นางสาวสุภาพร กำเนิดผล สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ให้ความสนใจเป็นพิเศษ

ในฐานะ สส.หญิงคนแรกและคนเดียวของจังหวัดสงขลา ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลกลุ่มสุภาพตรี โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้นำคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางไปเยี่ยมชมกลุ่มเครื่องแกงสมุนไพรบ้านควนเสม็ด หมู่ที่ 10 ตำบลปริก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา โดยมีผู้นำท้องถิ่น-ท้องที่ และกลุ่มแม่บ้านร่วมให้การต้อนรับ

กลุ่มเครื่องแกงสมุนไพรบ้านควนเสม็ด ริเริ่มโดยนางจรวย เพ็ชรแก้ว ประธานกลุ่ม ที่รวบรวมสมาชิกในหมู่บ้านร่วมกันทำเครื่องแกงสมุนไพรมายาวนานกว่า 24 ปีแล้ว จากจุดเริ่มต้นด้วยเงินทุน 4,500 บาท โดยการสนับสนุนขององค์การบริหาส่วนตำบลปริก ทางกลุ่มได้ขยับขยายด้วยการพึ่งพาตนเองมาโดยตลอด

เครื่องแกงสมุนไพรบ้านควนเสม็ด มีความโดดเด่นที่รสชาติจัดจ้าน ถึงเครื่องเทศในแบบฉบับแกงใต้แท้ๆ วันนี้สามารถขยายตลาดสร้างรายได้ให้กับกลุ่ม เปลี่ยนจากรายได้เสริมเป็นรายได้หลักให้กับหลายครอบครัว มีการรับซื้อวัตถุดิบจากชุมชนมาใช้ในกระบวนการผลิต

สส.น้ำหอม เปิดเผยว่า "การลงพื้นที่ในฐานะคณะกรรมาธิการการแรงงาน มาเพื่อรับฟังข้อมูล รับทราบปัญหา และพร้อมให้ความช่วยเหลือในทุกด้าน เพื่อให้สามารถต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น เพิ่มช่องทางการขายสินค้า เพิ่มรายได้ที่มากขึ้นให้กับสมาชิกในกลุ่มด้วย"

"เครื่องแกงสมุนไพรบ้านควนเสม็ด" โดดเด่นด้วยรสชาติที่จัดจ้านสไตล์คนใต้แท้ๆ ผลิตด้วยวัตถุดิบจากชุมชน เน้นความสด ใหม่ ไม่ใช้วัตถุกันเสีย
มีผลิตภัณฑ์เครื่องแกงส้ม เครื่องแกงเผ็ด และเครื่องแกงกะทิ

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ 200/2 ม. 10 ต. ปริก อ. สะเดา จ. สงขลา สอบถามเพิ่มเติมและสั่งซื้อสินค้าได้ที่ ประธานกลุ่มฯ นางจรวย เพ็ชรแก้ว โทร 092-6435696 หรือที่แฟนเพจ : #เครื่องแกงสมุนไพรบ้านควนเสม็ด ตราตะเคียนคู่
#10
"ผู้การชาติ" ไม่หวั่นแม้ฝนตกหนักลุยเปิดตัวทีมหาดใหญ่ต้องดีกว่าเดิม ท่ามกลางกองเชียร์ร่วมให้กำลังใจเพียบ

18 กันยายน 2567 ที่สี่แยกสะพานดำ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พันเอกสุชาติ จันทรโชติกุล ว่าที่ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ทีมหาดใหญ่ต้องดีกว่าเดิม นำทีมงานบริหาร ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลนครหาดใหญ่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำหนักสลับเบาและหยุดเป็นบางช่วงตลอดเวลา แต่ยังมีกองเชียร์ แฟนคลับ ถือร่ม ใส่เสื้อฝนมาให้กำลังใจจำนวนมาก
             
ผู้การชาติ นำทีมขึ้นเวทีบอกว่าวันนี้ตั้งใจจะเปิดตัวและให้ว่าที่ผูสมัครหลายคนได้พบกับพี่น้องแต่เนื่องจากฝนตกเลยขอใช้เวลาสั้นๆ พบปะกับผู้ให้กำลังใจนับพันคนในวันนี้ว่า อย่ากล่าวถึงการจัดการงบประมาณของเทศบาลนครหาดใหญ่ที่มีกว่า 1,800 ล้านบาทต่อปี ซึ่งไม่น้อยหากจัดการอย่างเป็นธรรม กระจายงบลงสู่ชุมชนโดยส่งตรงไปยังทุกชุมชนทั้ง 103 ชุมชน และสนับสนุนกลุ่มสตรี กลุ่ม อสม. กลุ่มผู้ประกอบการทุกขนาด ผ่านการนำเสนอโครงการต่างๆ แล้วนำงบประมาณไปบริหารจัดการด้วยตัวเอง

หาดใหญ่ เป็นศูนย์กลางทางการท่องเที่ยว ศูนย์กลางคมนาคม ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ แต่วันนี้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานยังถูกละเลย องค์กรด้านการท่องเที่ยวไม่ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากเทศบาลนครหาดใหญ่เลย นครหาดใหญ่มีศักยภาพในการพัฒนาในทุกด้านแต่ที่ผ่านมาผู้บริหารเทศบาลไม่ได้ให้ความสนใจความทุกข์ยากของประชาชน

ทีมหาดใหญ่ต้องดีกว่าเดิมของผู้การชาติ ขอประกาศชัดเจนไม่โกงงบประมาณ ไม่กินเปอร์เซ็นต์การประมูลงาน ไม่คอร์รัปชั่นทุกระบบและถ้าบริหารงานภายใน 2 ปีไม่มีผลงาน ชาวบ้านม่ยอมรับยินดีลาออกทั้งคณะ ขอให้ชาวหาดใหญ่ไว้วางใจ เลือกทีมหาดใหญ่ต้องดีกว่าเดิมยกทีม ทั้งทีมบริหารและทีมสมาชิกสภาเทศบาล ซึ่งจะมีการทยอยเปิดรายชื่ออย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้
     
ทั้งนี้ เทศบาลนครหาดใหญ่ ทีมบริหารชุดเดิมจะหมดวาระในเดือนมีนาคม 2568 ยังคงเหลือเวลาอีกประมาณ 6 เดือน มีผู้เสนอตัวลงสมัครในตำแหน่งนายกเทศมนตรี 3 คนคือ นายกคนปัจจุบัน พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายณรงค์พร ณ พัทลุง อดีตปลัดจังหวัดสงขลา และทีมผู้การชาติ พันเอกสุชาติ จันทรโชติกุล ทีมหาดใหญ่ต้องดีกว่าเดิม ส่วนจะมีทีมอื่นอีกหรือไม่คอการเมืองหาดใหญ่ต้องติดตามกันต่อไป

ภายในงานวันนี้ยังมีการแสดงมโนราห์ไข่เหลี้ยม วิเชียรศรชัย ประชันกับหนังน้องเดียว ลูกทุ่งวัฒนธรรม พร้อมทีมงานกว่า 100 ชีวิต เปิดการแสดงให้ได้ดูทั้งหนังตะลุง มโนรา เพลงลูกทุ่ง และความบันเทิงครบครัน พี่น้องประชาชนชาวหาดใหญ่ก็มากันล้นหลามแม้ฝนตกก็สู้ไม่ถอยนั่งชมหน้าเวทีอย่างคึกคัก