[สงขลามีเดีย]

รอง ผอ.สำนักพุทธฯโดนด้วย! ร่วม ผอ.สงขลา ปมเรียกเงินวัด 3 แห่ง-ศอตช.ลุยสอบ

ไม่ใช่แค่ ผอ.สำนักพุทธสงขลา แต่ 'ประนอม คงพิกุล' รอง ผอ.สำนักพุทธแห่งชาติ โดนด้วย! ปมจัดสรรเงินให้วัด 3 แห่ง 12 ล้าน ก่อนเรียกเก็บเงินคืนทีหลัง ศอตช. ลุยสอบแล้ว

จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 43/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 4 โดยมีสาระสำคัญคือ ให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามรายชื่อดังกล่าวไว้ก่อน และให้หน่วยงานต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง
โดยปรากฏชื่อของ นายวีรเทพ หรือเสถียร ดำรงคดีราษฎร์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สงขลา ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้นายเสถียร เคยถูกจับกุมกรณีเรียกรับเงินจากวัดชลธาราวาส จ.นราธิวาส จำนวน 3.2 ล้านบาท แต่อัยการ จ.สงขลา มีคำสั่งไม่ฟ้องนั้น

ล่าสุด แหล่งข่าวจากศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงกรณีนี้ว่า ไม่ใช่มีแค่ชื่อของนายเสถียรเท่านั้น ที่กำลังถูกตรวจสอบกรณีเรียกรับเงินอยู่ แต่ น.ส.ประนอม คงพิกุล รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็ถูก ศอตช. ตรวจสอบเช่นเดียวกัน เนื่องจากในกระบวนการเรียกรับเงิน ไม่ใช่มีแค่วัดเดียวใน จ.นราธิวาส แต่มีอยู่ถึง 3 วัด ด้วยกัน

แหล่งข่าว ระบุอีกว่า สำหรับข้อกล่าวหาคือ น.ส.ประนอม ร่วมกับนายเสถียร ใช้อำนาจหน้าที่ในการจัดสรรเงินอุดหนุนโดยมิชอบ ให้วัดชลธาราวาส วัดยูป่าราม และวัดสุริยาราม วัดละ 4 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 12 ล้านบาท แล้วให้ทั้ง 3 วัดถอนเงินสดบางส่วน (สำหรับวัดชลธาราวาสถูกนายเสถียรเรียกเก็บเงิน 3.2 ล้านบาท) มามอบให้นายเสถียร โดยอ้างว่า จะนำเงินไปให้สำนักสงฆ์ที่ไม่ได้จดทะเบียน กระทั่งนายเสถียรถูกบุกจับกุมดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อขอให้นางประนอมชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว แต่เจ้าหน้าที่หน้าห้องนางประนอมรับสาย ระบุว่า นางประนอมติดธุระไปราชการ และไม่สามารถให้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวได้

สำหรับ น.ส.ประนอม เป็นหนึ่งในบุคคลที่ให้การเป็นพยานให้กับนายเสถียรในชั้นพนักงานสอบสวนของตำรวจ และอัยการ จ.สงขลา ทำนองว่า นางประนอม คงพิกุล รอง ผอ.สำนักพุทธฯ ให้การยืนยันว่า การกระทำของผู้ต้องหาเป็นการกระทำไปตามอำนาจหน้าที่ และยืนยันว่าวัดชลธาราวาส ได้รับจัดสรรเงินประมาณ 8 แสนบาท และโอนเข้าบัญชีวัดไป 4 ล้านบาท จึงเป็นเงินที่ต้องนำไปจัดสรรให้วัดอื่น จำนวน 3.2 ล้านบาท กระทั่งอัยการ จ.สงขลา มีคำสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งปัจจุบันคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เรียกสำนวนคดีดังกล่าวกลับมาไต่สวนเองแล้ว

ที่มา สำนักข่าวอิศรา
http://www.isranews.org/isranews-news/item/48694-ieieilll_27482.html