[สงขลามีเดีย]

ปชป.จัดเวทีสัมมนาเตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง 3 แม่ทัพใต้เน้นชูผลงานประจักษ์-อุมดมการณ์ทันสมัย

พรรคประประชาธิปัตย์เตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งรอบใหม่  "จุรินทร์" ขอให้ทุกคนนำผลงานพรรคไปขยายความสู่ชาวบ้านทั้งการประกันรายได้เกษตรกร ทำรคายาง-ปาล์มสูง ส่งออกดีต่อเนื่อง "นายกชาย" แม่ทัพภาคใต้มอบการบ้านข้อใหญ่ ต้องรวมเป็นหนึ่งเดียว-ใจถึงพึ่งได้-ข้อมูลต้องพร้อม "นิพนธ์" ขอให้ทุกคนมั่นใจปชป.ผ่านได้ทุกช่วงวิกฤต เลือกตั้งเที่ยวหน้าภาคใต้ต้องได้มากกว่าเดิม

(15 พ.ค.65) ณ โรงแรมบุรีศรีภู อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดูแลภาคใต้ จัดประชุมสัมมนาประชาธิปัตย์ภาคใต้ "อุดมการณ์ทันสมัย ทำได้ไว" ทำได้จริง"ซึ่งมี ส.ส.ภาคใต้/ผู้ช่วยส.ส./หัวหน้าสาขา/ตัวแทนพรรคเข่าร่วมประชุมประมาณ 500 คน โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นประธานเปิด พร้อมนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยสส. อดีตสส. ว่าที่ผู้สมัครสส.ภาคใต้เข้าร่วมประชุมสัมนาในครั้งนี้

นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดูแลภาคใต้  ได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมและกล่าวถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะเกิดขึ้นว่าจากการวิเคราะห์โดยนักวิชาการร่วมกับทีมงานวิจัยออกมา พบว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องปรับปรุง 3 อย่าง

1.ความเป็นหนึ่งเดียวของประชาธิปัตย์ในแต่ละจังหวัด เพราะเราต้องยอมรับว่าในอดีตประชาธิปัตย์ในแต่ละจังหวัดมีทีม A ทีม B บางจังหวัดมี ทีม C "จังหวัดสงขลา20กว่าปีที่ผ่านมา ไม่เคยเป็นทีมเดียวในความเป็นประชาธิปัตย์ มีอย่างน้อย ทีม A ทีม B แต่วันนี้อยากจะบอกกับพี่น้องว่า จังหวัดสงขลาคือเมืองหลวงของพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้เรารวมพลังเป็นหนึ่งเดียวทั้ง 9 คน 9 เขต ทุกคนจะต้องหาเสียงทั้ง 9 เขต ทุกจังหวัดอยากให้เป็นหนึ่งเดียวทั้งหมด

2. ปรับบุคลิกของผู้สมัครส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่ผ่านมาบางคน ไม่ใช่ทุกคน มีเสียงสะท้อนว่า ใจไม่ถึง พึ่งไม่ได้ ขี้เหนียว ห่างกับประชาชน เนื่องจากทุกคนมองว่าเมื่อก่อนกระแสพรรคประชาธิปัตย์ดี เราก็เลยละเลย ไม่ค่อยใส่ใจ ไม่ค่อยติด ซึ่งถ้าเราปรับข้อนี้ คำว่า ใจถึงพึ่งได้ ไม่เฉพาะเรื่องเงินอย่างเดียว  แต่หมายถึงเรื่องใจที่จะเข้าไปหาพี่น้องประชาชน

3. คือเรื่องข้อมูล ผมเคยพูดกับพี่น้องชาวประชาธิปัตย์ที่เป็นส.ส.ในการประชุมประชาธิปัตย์ภาคใต้ประมาณ 3-4 ครั้งที่ผ่านมาว่า ข้อมูล เป็นเรื่องสำคัญมาก ทุกคนจะต้องทำข้อมูลให้ละเอียด เพราะการแพ้ชนะอยู่ที่ข้อมูลด้วย เพราะฉะนั้นถ้าพี่น้องชาวประชาธิปัตย์ทำ3ข้อนี้ คือ 1.ความเป็นหนึ่งเดียวกันในจังหวัด 2.ใจถึงพึ่งได้จริงๆอยู่กับประชาชน 3.ข้อมูลพร้อม หลังจากนั้นก็จะมีทีมกรรมการบริหารมีหน้าที่ไปเสริมซึ่งหากสามารถเพิ่มคะแนนให้แบบทวีคูณมีโอกาสชนะแน่นอน"

สำหรับในวันนี้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 9 เขต ประกอบด้วย
เขต 1 นายสรรเพชญ บุญญามณี
เขต 2 นายนิพัฒน์ อุดมอักษร
เขต 3 นายสมยศ พลายด้วง
เขต 4 นายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว
เขต 5 นายเดชอิศม์ ขาวทอง
เขต 6 นางสาวสุภาพร กำเนิดผล
เขต 7 นายศิริโชค โสภา
เขต 8 พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่
เขต 9 นายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง

นายกชาย เปิดเผยด้วยว่าหลังจากนี้จะมีการทยอยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสส.ในทุกพื้นที่แบบทั้งจังหวัดจะไม่มีการเปิดตัวทีละคน 2 คน ทุกจังหวัดต้องเปิดพร้อมกันเพื่อรวมกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเป้าหมายเดียวกัน สำหรับการเลือกตั้งในครั้งหน้าตนเองมั่นใจว่ากระแสพรรคในภาคใต้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะต้องได้สส.มากกว่าเดิมโดยมีเป้าหมายที่ประกาศไว้ตั้งแต่รับตำแหน่งว่าไม่ต่ำกว่า 35 ที่นั่ง จาก 58 เขตเลือกตั้ง ส่วนสงขลาที่มี 9 เขตก็หวังไว้มากและเชื่อว่าจะได้สส.มากกว่าเดิมแน่นอน

ทางด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขึ้นกล่าวในการประชุมว่าวันนี้ถือว่าเป็นวันที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้บ้านเราเพราะเป็นวันที่เรามารวมพลังกัน เพื่อทวงคืนสส.ภาคใต้ 14 จังหวัดให้กลับคืนมา พร้อมกับเชื่อว่าด้วยพลังของพวกเราทุกคนประชาธิปัตย์ทำได้ โดยขอให้นำสิ่งที่ตนได้สื่อสารในวันนี้ส่งต่อไปยังพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน โดยเฉพาะคนปักษ์ใต้บ้านเรา ด้วยการทำหน้าที่เป็นลำโพงให้กับพรรคประชาธิปัตย์ แต่การเป็นลำโพงที่ประชาชนได้ยินเสียงนั้น ต้องเป็นลำโพงที่ต้องเสียบปลั๊กด้วย

ประชาธิปัตย์ยุคนี้ เป็นยุคของการทำงาน ที่เน้นเรื่องทำ จึงเป็นที่มาของ ประชาธิปัตย์ อุดมการณ์ทันสมัย ทำได้ไวทำได้จริง จึงเกิดขึ้น ซึ่งจากนี้ไปประชาธิปัตย์ต้องขาย 2 เรื่อง 1. ขายอุดมการณ์ 2. ขายผลงาน เราเป็นพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่พูดคำว่า "อุดมการณ์" ได้อย่างเต็มปากเพราะ 1. ประชาธิปัตย์ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข  2. ประชาธิปัตย์มีอุดมการณ์ในการทำหน้าที่เพื่อประชาชน ไม่ใช่อุดมการณ์เพื่อทำหน้าที่ให้ใครคนใดคนหนึ่งขึ้นมามีอำนาจ ที่เมื่อทำสำเร็จหรือล้มเหลวแล้วก็ปิดพรรค 3. อุดมการณ์แห่งความซื่อสัตย์สุจริต 

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงผลงานที่สำคัญ หลายเรื่องที่ได้ทำและเกิดเป็นรูปธรรมที่เห็นชัด ตั้งแต่ นโยบายประกันรายได้ พืช 5 ชนิด ตั้งแต่ ยางพารา ปาล์ม มันสำปะหลัง ข้าว ข้าวโพด ซึ่งเป็นนโยบายที่ประชาธิปัตย์ ใช้เป็น 1 ใน 3 เงื่อนไขของการร่วมรัฐบาล นอกจากนี้การส่งออกของไทยที่ถือเป็นพระเอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ก็เป็นฝีมือของพรรคประชาธิปัตย์ โดยตั้งแต่เข้าร่วมรัฐบาลปีที่แล้ว ทั้งปีทำรายได้จากการส่งออกถึง 8.5 ล้านล้านบาท และปีนี้ก็ได้ตั้งเป้าไว้ 9 ล้านล้านบาท ซึ่งเพียง 3 เดือนแรก ก็สามารถทำได้ถึง 2.4 ล้านล้านบาทแล้ว สำหรับการค้าชายแดน ที่ปักษ์ใต้บ้านเรามี 9 ด่าน เฉพาะ 3 เดือนแรก สามารถทำรายได้จากการค้าชายแดนไปแล้ว 1.5 แสนล้านบาท ช่วยให้เศรษฐกิจปักษ์ใต้บ้านเราสามารถขับเคลื่อนไปได้

"หลังเลือกตั้งซ่อมชุมพร สงขลา ทำให้ผมมั่นใจ และเชื่อว่าทำให้เราชาวพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนมีกำลังใจ และทำให้เรามองเห็นความสำเร็จอยู่ข้างหน้าว่าอีกไม่นานประชาธิปัตย์ภาคใต้บ้านเราจะคัมแบ็ค เหมือนที่เราเคยสำเร็จในอดีต อยากให้กำลังใจพวกเราทุกคนมาร่วมผลักดันเดินไปข้างหน้า ขอเพียงให้พวกเราอย่าท้อแท้ อย่าสิ้นหวัง ในวิกฤตทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ ครั้งที่แล้วเราอาจจะเหลือ 23 เที่ยวหน้าเราจะต้องได้มากขึ้น ซึ่งผมเชื่อประชาธิปัตย์ทำได้ ประชาธิปัตย์คัมแบ็คแน่นอน"

ในส่วนของนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวปิดการประชุมโดยได้เน้นย้ำกับสมาชิกพรรคทุกคนว่าอย่าตกใจกับกระแสข่าวการลาออกของสมาชิกพรรคบางส่วน ตนเองอยู่กับพรรคมาตั้งแต่เป็นยุวประชาธิปัตย์เห็นการเปลี่ยนแปลงมามากมาย แต่ไม่ว่ายังไงพรรคก็ผ่านมาได้เป็นสถาบันการเมืองที่มั่นคงเพราะทุกคนที่อยู่กับพรรคยังช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ ในครั้งนี้ก็เช่นกันตนขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมมากที่สุด เป็นพรรคที่ไม่มีนายทุนไม่มีเจ้าของหรือคนชี้เพียงคนเดียว หัวหน้าพรรคคือคนเดียวที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เหมือนพรรคอื่นบางพรรคเชื่อว่าต่อให้ชนะเลือกตั้งหัวหน้าพรรคก็ไม่มีทางได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะมีผู้ครอบงำอยู่ภายนอกนอกพรรคและมีอำนาจสั่งการทุกอย่างในพรรคนั้น