[สงขลามีเดีย]

โดย สยามดารา www.siamdara.com

ข่าวนายห้างประจวบ จำปาทอง เสียชีวิต ด้วยวัย 74 ปี เนื่องจากมะเร็งปอดขั้นสุดท้าย สร้างความโศกเศร้าให้กับคนลูกทุ่งรุ่นเก่า และกลางเก่ากลางใหม่เป็นอย่างยิ่ง นับเป็นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของวงการลูกทุ่ง เพราะที่ผ่านมาท่านได้สร้างคุณประโยชน์ไว้มากมาย

ประจวบ จำปาทอง มีชื่อจริงว่า นายประจวบ จัตตานนท์ อดีตนักร้องลูกทุ่ง และนักแต่งเพลงชื่อดัง เจ้าของเพลง ''สัปเหร่อ'' ''คอแห้งเป็นผง'', ''พี่มาหาคู่'' ฯลฯ นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง และยังเป็นโฆษกวงดนตรีจุฬารัตน์ ของ ครูมงคล อมาตยกุล นับว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในวงการเพลงลูกทุ่ง คนลูกทุ่งให้ความเคารพนับถือ เป็นเจ้าของตำนานนายห้าง 100 ล้าน เป็นเจ้าของค่ายเสกสรรค์เทปแผ่นเสียง ต้นฉบับรองเท้าฝังเพชร เจ้าของครีมไข่มุก ''กวนอิม''

นอกจากนี้ ยังได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้พลิกประวัติศาสตร์วงการลูกทุ่งไทย ด้วยการจัดประกวดร้องเพลง ''ชุมทางคนเด่น'' ออกทางโทรทัศน์ช่อง 7 สี โดยเวทีนี้ได้รับความนิยมจากประชาชนที่มีความฝันอยากเป็นนักร้องลูกทุ่งออกแผ่นเสียงเป็นอย่างมาก มีส่วนสร้างนักร้องชื่อดังขึ้นมาประดับวงการมากมาย อาทิ พุ่มพวง ดวงจันทร์, ศิรินทรา นิยากร, สุนารี ราชสีมา, เสรี รุ่งสว่าง เป็นต้น นับว่าเป็นปูชนียบุคคลของวงการลูกทุ่งไทย

อนุทินคู่ชีวิต คู่ดารานักร้อง เล่ม 3 ปีที่ 1 ฉบับพิเศษที่ 3 ประจำเดือนธันวาคม พ.ศ. 2514 บันทึกไว้ว่า ประจวบ จำปาทอง เป็นเด็กบ้านนอกคอกนา เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2483 ที่นครพนม จังหวัดเหนือสุดของภาคอีสานติดชายแดนลาว ระหว่างเรียนหนังสือที่โรงเรียนเทศบาลสองหนองแสง ในอำเภอเมือง ได้ยินเพื่อนๆ ที่ได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ พูดถึงความงดงามในเมืองหลวง ทำให้เกิดความฝัน ''สักวันหนึ่งต้องเข้ามาเห็นกับตาให้ได้''

หลังจากผิดหวังจากการขอเงินพ่อแม่เป็นค่ารถเข้ามาเที่ยวเมืองฟ้าอมร เพราะต้องการให้ลูกตั้งใจเรียนหนังสือสูงๆ จบมาจะได้มีงานทำดีๆ หาเลี้ยงครอบครัว แต่ด้วยความหลงรักบางกอกตามคำบอกเล่าของเพื่อนๆ จนขึ้นสมอง ในปี พ.ศ. 2497 ประจวบตัดสินใจหนีเข้ามาเผชิญโชคเพียงลำพังในเมืองกรุง ด้วยเงินติดกระเป๋าเพียงไม่กี่สิบบาท

เคว้งคว้างอยู่ในกรุงเทพฯ หลายวัน ไร้ญาติขาดมิตรหันหน้าไปพึ่งพาใครไม่ได้ หางานทำก็ไม่มี จึงทำให้รู้รสว่า การเข้ามาอยู่ในป่าคอนกรีตตัวคนเดียวมันรันทดแค่มากแค่ไหน จึงวางแผนใหม่เดินทางไปจังหวัดชลบุรี เป็นลูกจ้างทำโป๊ะแลกเงินเดือน 100 บาท ซื้อหาอาหารมาประทังชีวิตให้อยู่รอด จากนั้นได้ไปทำงานโรงโม่ควบคู่กันไป ทำให้ได้เงินเพิ่มมาอีกเดือนละ 50 บาท

เมื่อเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งประจวบหวนคืนสู่พระนครอีกครั้ง เริ่มต้นทำงานด้วยการไปเป็นจ็อกกี้แข่งม้า ระหว่างที่ขี่ม้าแข่งได้ไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนไพศาลศิลป์ และวัดสุทัศน์

เป็นจ็อกกี้ 5 ปี เก็บเงินได้ก้อนโตจึงคิดการใหญ่ ตัดสินใจไปเสี่ยงโชคที่ประเทศญี่ปุ่น ที่นั่นท่านได้เรียนต่อ พร้อมกับถือโอกาสศึกษาดูงาน ในโรงงานผลิตเครื่องสำอางไปในตัว พร้อมกับตั้งความหวังว่า เมื่อกลับมาเมืองไทยต้องเปิดร้านเป็นตัวแทนจำหน่ายให้ได้ แต่สิ่งที่หวังไว้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ 3 ปีที่ใช้ชีวิตอยู่ประเทศญี่ปุ่นทำให้หมดทุน ต้องกลับถิ่นฐานบ้านเกิดมากัดฟันสู้ชีวิตใหม่

เมื่อได้พบกับ ''จันทร์แรม พยัคฆ์โส'' เจ้าของคณะลิเก จึงตัดสินใจไปฝึกร้องรำเป็นลิเก ทำให้รู้จักกับ พร ภิรมย์ ราชาเพลงแหล่ชื่อดังในอดีต ระหว่างเดินสายเล่นลิเกได้ไปขายข้าวแกงที่หลังวังบูรพาด้วย ตอนหลังได้ติดตาม พร ภิรมย์ ไปร้องเพลง และเป็นโฆษกที่วงดนตรี จุฬารัตน์ ของ ครูมงคล อมาตยกุล ซึ่งเป็นวงดนตรีลูกทุ่งชื่อดังในอดีต

ร้องเพลงได้ไม่นาน เริ่มอยากเป็นนักจัดรายการวิทยุ จึงได้อำลาครูมงคล ไปเป็นนักจัดรายการเพลงที่ สถานีวิทยุ จ.ส. พร้อมทั้งหาสปอนเซอร์ด้วยตัวเอง ฟันฝ่าอุปสรรคมุ่งมั่นสร้างฐานะจนมีเงินตั้งบริษัท จำปาทอง สั่งสินค้าชั้นดีประเภทเครื่องสำอางจากต่างประเทศ มาจำหน่าย จัดรายการเพลงและข่าวสร้างความอภิรมย์สู่ผู้ฟัง

ด้วยลีลาการจัดรายการที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ใช้คำพูดตรงไปตรงมาตามประสาชาวบ้าน ทำให้ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วสารทิศที่วิทยุเข้าถึง กิจการก็เจริญก้าวหน้าชาวบ้านนิยมใช้กันทั่ว ไม่ว่าจะเป็น แป้งน้ำจำปาทอง ครีมเชฟอเมริกา น้ำหอมเอเธนส์ เป็นต้น ชีวิตมั่นคงไม่คลอนแคลนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ประจวบ จำปาทอง ประสบความสำเร็จอย่างมากกับการทำครีมไข่มุกลอกสิวฝ้าตรา ''กวนอิม'' ออกมาจัดจำหน่าย ได้รับความนิยมจากประชาชนแทบทุกหลังคาเรือน ทำรายได้ถล่มทลายทะลุหลักร้อยล้านบาท จนเป็นที่มาของฉายา ''นายห้าง 100 ล้าน'' และได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้พลิกประวัติศาสตร์วงการลูกทุ่งไทย ด้วยการจัดประกวดร้องเพลง ''ชุมทางคนเด่น'' ออกทางโทรทัศน์ช่อง 7 ได้รับความนิยมสูงมาก ผู้มีความฝันอยากเป็นนักร้องลูกทุ่งออกแผ่นเสียง พาเหรดกันมาสมัครประชันลูกคอมืดฟ้ามัวดิน

''หมู'' ตะวัน นุตะศิรินทร์ อดีตนักจัดรายการลูกทุ่งเอฟเอ็ม ที่คลุกคลีกับนายห้างประจวบมายาวนานตั้งแต่สมัยจัดการประกวดร้องเพลงชุมทางคนเด่นเล่าให้ฟังว่า นายห้างประจวบถือว่าเป็นปูชนียบุคคลของวงการลูกทุ่งไทย เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในวงการลูกทุ่ง มีส่วนในการสร้างนักร้อง จากดินเป็นดาวประดับวงการหลายดวง มีความสุขมากกับการได้ทำกิจกรรมดีๆ เพื่อวงการลูกทุ่งมาโดยตลอด ทั้งที่หลังจากประสบความสำเร็จกับการทำธุรกิจแล้ว ไม่จำเป็นต้องลงมาเหนื่อยเองก็ได้

''ผมเคยร่วมเดินสายจัดรายการด้วยกัน ท่านเป็นบุคคลที่ต้องการเห็นวงการลูกทุ่งสวยงาม และต้องการให้โอกาสกับชาวบ้านที่มีความฝันอยากเป็นนักร้องลูกทุ่ง แต่ไม่ได้รับโอกาส ระหว่างที่ท่านจัดรายการที่สถานีวิทยุ จ.ส. ก็ได้ซื้อเวลาจัดรายการวิทยุที่ต่างจังหวัดด้วย ให้นักจัดรายการท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินรายการ แล้วก็ให้คัดเลือกประชาชนที่มีความฝัน และมีความสามารถมาประกวดร้องเพลงทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ท่านเช่าเวลาสถานีวิทยุตามหัวเมืองใหญ่ๆ เชียงใหม่, เชียงราย, อุบลราชธานี จัดประกวดนักร้องออกอากาศสดทางวิทยุก่อน แล้วก็มีการจับแจกรางวัล ประชาชนที่ส่งฉลากผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ยาสีฟัน เข้ามาร่วมสนุกๆ แจกจริงๆ แจกกันตรงนั้นเลย เป็นการประกวดร้องเพลงที่ได้รับความนิยมมาก

ท่านนำนักร้องชื่อดังในสมัยนั้นไปขึ้นเวทีร้องโชว์ให้ฟังสดๆ ด้วย อาทิ ชัยชนะ บุญนะโชติ ต่อมาได้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักร้องเพลงลูกทุ่ง) ปี 2541, ทูล ทองใจ, พร ไพรสณฑ์, ขวัญจิต ศรีประจันต์ เป็นต้น ต่อมาท่านได้เวลาที่ช่อง 7 ก็เลยจัดรายการชุมทางคนเด่น คัดนักร้องจากทั่วทุกจังหวัดเข้ามาประกวดร้องเพลงออกโทรทัศน์เป็นเจ้าแรกที่ได้รับความนิยมทั้งประเทศ มีผู้เข้าแข่งขันเยอะมาก มีคนดูเยอะมาก ออกอากาศน่าจะเป็นวันอาทิตย์ เริ่มประกวดกันตั้งแต่รอบสัปดาห์ รอบเดือน และชิงแชมป์ประจำปี นอกจากนั้นท่านก็ทำค่ายเสกสรรค์เทปแผ่นเสียง ที่มี หมอเอื้อ อารีย์ เป็นนายทุน ท่านเองก็มีหุ้นอยู่ไม่น้อย ผลิตแผ่นเสียงให้นักร้อง ไม่ว่าจะเป็น ดาวใต้ เมืองตรัง, พุ่มพวง ดวงจันทร์, สวนสน มนต์สวรรค์, สุชิน สินธ์ส่งเสริม, สุรชัย สมบัติเจริญ, เสรี รุ่งสว่าง เป็นต้น

จนประมาณปี 2526-2527 รายการชุมทางคนเด่นก็เลิกไป ภาพข่าวทางสังคมท่านก็ลดน้อยลง แต่ก็ยังเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญในวงการเหมือนเดิม มีจัดรายการวิทยุอยู่ ทำรายการทีวีดาวเทียม ช่วงหลังก็ไปทำธุรกิจอาหารเสริมพืช กวนอิมนาโน ประจวบ จำปาทอง ก็ประสบความสำเร็จมากอีก ทราบว่า เมื่อประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมาท่านไปผ่าตัดทำบอลลูนหัวใจ พอแข็งแรงไปไหนมาไหนได้ ก็ไปญี่ปุ่นกลับมาวันที่ 15 ตุลาคม จากนั้นก็เข้ารับการรักษาที่รพ.เปาโล อาการไม่ดีขึ้น ไอเป็นเลือดอยู่ 10 กว่าวัน ก็ส่งมารักษาต่อที่ รพ.กรุงเทพ และก็เสียชีวิต เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการลูกทุ่งจริงๆ ครับ''

ด้าน ''เสี่ยช้าง'' เดชาธร สุวินิจจิต นายใหญ่ ''90; ลูกทุ่งรักไทย'' และรายการ ''ข่าวลูกทุ่ง'' ทางช่องสปริงนิวส์ ซึ่งเคยมีโอกาสได้ร่วมงานกับประจวบ จำปาทอง เมื่อครั้งทำคลื่นลูกทุ่งเวทีไท เอฟเอ็ม 90 เล่าว่า นายห้างประจวบเป็นบุคคลที่มองโลกสวยงาม เน้นย้ำกับตนเสมอว่า หากต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ต้องรู้จักช่วยเหลือผู้อื่นด้วย เมื่ออาสาเข้ามาทำวิทยุลูกทุ่ง ก็ต้องยื่นมือช่วยเหลือคนลูกทุ่งเต็มที่ โดยเฉพาะนักร้องเบอร์เล็กๆ ที่มีโอกาสเข้าถึงสื่อน้อย

''สมัยที่ผมทำรายการที่เวทีไท อาประจวบท่านก็มาร่วมจัดรายการที่คลื่นด้วยครับ จัดคู่กับ ครูพยงค์ มุกดา ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง สาขาประพันธ์เพลงไทยสากล-เพลงลูกทุ่ง (ถึงแก่กรรม) ซึ่งผมก็ดีใจมากนะครับที่ได้นักจัดรายการชื่อดังให้เกียรติมาร่วมงานด้วย ท่านบอกท่านอยากจัดรายการ ท่านมีความสุขที่ได้เป็นกระบอกเสียงช่วยวงการลูกทุ่ง ได้ช่วยชาวบ้าน ท่านแนะนำผมว่า ในวงการลูกทุ่งมีทั้งคนดีมีน้ำใจ และก็มีทั้งคนไม่ดี ต้องวางตัวให้เป็น เมื่อประสบความสำเร็จแล้วก็ต้องรู้จักตอบแทนสังคม ในฐานะที่เป็นสื่อต้องให้การช่วยเหลือ ให้การสนับสนุนนักร้อง และชาวบ้านอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะนักร้องตัวเล็กๆ ต้องช่วยดูแลมากเป็นพิเศษ เพราะว่าไม่กล้าเข้าหาสื่อ เราต้องเป็นฝ่ายยื่นโอกาสให้เขา เมื่อวันหนึ่งเขาแข็งแรงยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเองก็จะกลับมาตอบแทนเราเอง หากสังคมวนเวียนเป็นวัฏจักรตามนี้จะมีแต่ความสวยงาม''

ด้วยความคิดดี มีเมตตา อาสาเป็นกระบอกเสียงช่วยเหลือคนลูกทุ่งมาทั้งชีวิต ประสบความสำเร็จกับการทำธุรกิจรวยร้อยล้านพันล้าน แต่ก็ยังทุ่มเททำหน้าที่ตอบแทนวงการลูกทุ่งที่ทำให้ยืนได้มั่นคงอย่างมีความสุข แม้ ''นายห้าง'' ประจวบ จำปาทอง ได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว แต่เชื่อว่าคนลูกทุ่งยังรัก และอาลัยท่านไปตลอดกาล