[สงขลามีเดีย]

โดย ไทยพีบีเอส http://news.thaipbs.or.th

นายกรัฐมนตรี เตรียมเดินทางไปเยือนมาเลเซีย พรุ่งนี้ (28 ก.พ.) พร้อมขอให้มาเลเซียเป็นองค์กรกลาง กระบวนการพูดคุยสันติภาพ กับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ขณะเดียวกันโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุว่า จะมีการถอนกำลังทหารของกองทัพภาคที่ 1-3 ภายในเดือนเมษายนนี้

พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงชี้แจง สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงการเสริมสร้างความเข้มแข็งในพื้นที่ และในเดือนพฤษภาคมนี้ จะมีการส่งกำลังตำรวจ 3,400 อัตราลงพื้นที่ โดยมีตำรวจที่รับสมัครจากทหารเกณฑ์ปลดประจำการและทหารพราน 1,800 อัตรา และรับสมัครจากพลเรือน 1,600 อัตรา รวมถึงอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) อีก 900 อัตรา และภายในเดือนเมษายนนี้ จะสามารถถอนทหารที่มาจากกองทัพภาคที่ 1-3 ออกจากพื้นที่ได้

โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยังระบุว่า สถานการณ์ในภาคใต้ไม่ได้รุนแรงตามที่หลายฝ่ายมอง เพราะเหตุร้ายส่วนใหญ่เป็นคดีทั่วไป แต่คดีความมั่นคงมีเพียงร้อยละ 7 ส่วนกฎหมายที่ใช้ในพื้นที่คือกฎหมายปกติ และกฎหมายพิเศษ 3 ฉบับ ก็ใช้ตามความจำเป็นและเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

สำหรับการเจรจาทำความเข้าใจ กับเครือข่ายก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กองทัพภาคที่ 4 ยืนยันที่จะเปิดพื้นที่ตลอดเวลา

ขณะที่ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นหนึ่งในประเด็นที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะร่วมหารือกับ นายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในการเดินทางเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ วันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งมีรายงานว่า ฝ่ายไทย ได้ขอให้มาเลเซีย เป็นองค์กรกลาง ให้เกิดกระบวนการ "พูดคุยสันติภาพ" ระหว่างผู้แทนฝ่ายไทย กับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ

สอดคล้องกับหลายฝ่ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เห็นด้วยกับการเจรจาอย่างเป็นทางการ ระหว่างรัฐ กับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ แทนการใช้ความรุนแรงเข้าหากัน และคาดหวังว่า การหารือจะเป็นไปตามความต้องการ ที่คนในพื้นที่สะท้อนผ่านสภาประชาสังคมชายแดนใต้ รวมถึงแนวคิดในการยอมให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา เป็นเขตปกครองพิเศษ